คุ้นๆ ไหมกับชื่อ OnDemand สถาบันกวดวิชาที่เปิดสอนมานานถึง 16 ปี ปัจจุบันยังคงมีผู้เรียนในระดับชั้นประถม มัธยม ทั้งแบบ Online และ On-site ท่ามกลางการล้มหายตายจากของธุรกิจด้านการศึกษามากมายเนื่องจากถูก Disrupt
ถ้าดูข้อมูลบริษัท OnDemand หรือ บริษัท ออนดีมานด์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เป็นหนึ่งใน 13 บริษัทลูกที่อยู่ภายใต้ บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LEARN Corporation ผู้นำด้าน EdTech ของไทยที่แตกไลน์ธุรกิจในเครือจนครอบคลุมการส่งต่อความรู้และทักษะให้แก่ทุกช่วงวัย ผ่านการพัฒนา ‘การเรียนรู้ในระดับบุคคล’ เพื่อขยายผลไปสู่การพัฒนาสังคมและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
แต่หากดูข้อมูลผู้ก่อตั้ง LEARN Corporation เกิดจากแพสชันของ คุณสาธร อุพันวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และผู้ร่วมก่อตั้ง คุณสุธี อัสววิมล กรรมการบริหารบริษัทฯ หรือที่รู้จักกันในนาม พี่โหน่ง OnDemand ซึ่งมีเป้าหมายและความเชื่อเดียวกันว่า การเรียนรู้ช่วยทำให้ชีวิตคนดีขึ้นได้ ทั้งคู่จึงก่อตั้ง LEARN Corporation ขึ้น โดยมีพันธกิจหลักคือ การสร้างหรือพัฒนาเทคโนโลยีการเรียนรู้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยและสนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
โรงเรียนกวดวิชาออนดีมานด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2549 เป็นแหล่งสอนพิเศษแห่งแรกที่นำระบบการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์มาใช้กับการศึกษา จากนั้นได้ต่อยอดธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยร่วมมือกับบุคลากรที่มีประสบการณ์จากองค์กรระดับโลกในการพัฒนาแพลตฟอร์ม EdTech ที่ให้บริการครอบคลุมทุกช่วงวัย
ต่อมาพัฒนาธุรกิจจนเกิดเป็น Lifelong Learning EdTech Ecosystem หรือ ระบบนิเวศ EdTech โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด โดยคำว่า Lifelong Learning คุณสาธรหมายถึง การให้บริการด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งการเรียนรู้มีศาสตร์หลายแขนง LEARN Corporation จึงคัดเลือกสิ่งที่ควรสอนแล้วแบ่งไลน์ธุรกิจการเรียนรู้ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
เน้นการผลักดันวัยเรียนให้ก้าวไปสู่เป้าหมายและมหาวิทยาลัยในฝัน พร้อมบริการให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อในต่างประเทศทั้งสำหรับวัยเรียนและวัยทำงานผ่านแพลตฟอร์ม Learn Anywhere แอปพลิเคชันเรียนออนไลน์ที่รวบรวมคอนเทนต์จากกลุ่ม Out-School ไว้ในที่เดียว ธุรกิจในกลุ่มนี้ ได้แก่ OnDemand และ Ignite by OnDemand
เป็นธุรกิจบริหารและดูแลหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยปัจจุบันมีโรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม หรือ LSP (LEARN Satit Pattana) ที่ LEARN Corporation เข้าไปดูแลกิจการแล้วนำเทคโนโลยีและคอร์สเรียนของบริษัทเข้าไปสอน ควบคู่กับการกำหนดแผนการเรียนตามเป้าหมายรายบุคคลเพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมสู่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย และสอนทักษะภาษาอังกฤษตามมาตรฐาน Cambridge International
เราทำโรงเรียนขึ้นเพื่อเป็น Chain School โดยการเข้าไปดูแลกิจการ โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม เพราะต้องการทำโรงเรียนที่มีคุณภาพ โดยผู้ปกครองจ่ายค่าเล่าเรียนเพียงครึ่งหนึ่งของโรงเรียนอินเตอร์
โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คนทำงานจึงต้องเติมองค์ความรู้ทางธุรกิจและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อตามให้ทัน LEARN Corporation จึงเปิด Skooldio ธุรกิจที่มุ่งพัฒนาทักษะใหม่แห่งอนาคตให้กับวัยทำงาน หรือผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะตัวเองให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานโลก เช่น คอร์สออนไลน์ OKRs: The Complete Guide, UX Fundamentals, Customer Journey Mapping, Digital Business Starter Pack โดยมี ดร.ต้า - วิโรจน์ จิรพัฒนกุล เข้าร่วมพัฒนาธุรกิจกลุ่มนี้ และได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศกว่า 500 แห่ง ที่เข้ามาใช้บริการ โดยคุณสาธรกล่าวว่า
เรายังเปิด ‘Degree Plus’ ธุรกิจใหม่ในเครือที่ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเราลงทุน 70% จุฬาฯ ลงทุน 30% เพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่รวมทุกมหาวิทยาลัยเข้าไว้ด้วยกันแบบ Coursera เพื่อให้เด็กสามารถเลือกเรียนและเก็บหน่วยกิตข้ามสาขาวิชาได้ ผู้เรียนก็จะได้เครดิตไปใช้ในการสมัครงาน ได้อาชีพที่ดีก็จะสามารถทำเงินได้ดี คุณภาพชีวิตดีตามไปด้วย
เป็นกลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียน โดยมี Learn Education ดำเนินงานภายใต้การดูแลของบริษัทฯ ด้วยเทคโนโลยี Online Blended Learning Solution หรือการเรียนการสอนออนไลน์แบบผสมผสานที่สามารถให้ผู้เรียนและผู้สอนเรียนรู้แบบบูรณาการร่วมกัน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาแล้วกว่า 500 โรงเรียนทั่วประเทศ ทั้งโรงเรียนเอกชน โรงเรียนของรัฐ และโรงเรียนของผู้ด้อยโอกาส โดยสามารถเข้าถึงนักเรียนกว่า 200,000 คน
คุณสาธรกล่าวถึงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของ LEARN Corporation ว่าหัวใจสำคัญที่ทำให้ EdTech ยืนหนึ่งได้นั้น มีอยู่ 3 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงการศึกษาโดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ก็ยังมีอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่าผู้เรียนจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ในประเด็นนี้ คุณสาธรระบุว่า เด็กที่ต้องการโอกาส เด็กที่ไม่มีกำลังซื้อ คือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก
“ดังนั้น เราควรพยายามผลักดันอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ต ให้เขาสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในราคาไม่แพงและได้ใช้ Data ฟรี หรือการร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ส่วนหนึ่งกับรัฐบาลหรือผู้ปกครอง ผมว่าเราทำตรงนี้ได้ และน่าจะลดความเหลื่อมล้ำได้ดี”
“ส่วนฝั่งผู้ใหญ่ มองว่าเราควรจะเสริมกลไก Accredit คือ เรียนทักษะอื่นๆ เพิ่ม แล้วเก็บในรูปแบบเครดิตที่ได้รับการรับรองว่าเรียนจริง เพราะการดูผลการเรียนอย่างเดียวในยุคนี้ ไม่สามารถบอกได้ว่า คนคนนั้นเรียนแล้วมีทักษะด้านนั้นจริงหรือเปล่า หรือเขาเรียนแล้วทำงานได้จริงหรือเปล่า แต่ถ้าเรียนในหลักสูตรที่ Accredit ได้ ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดี ทำให้ Value Chain ดีขึ้น ตรงนี้จะทำให้คนอยากเรียนมากขึ้น เมื่อชีวิตเขาดีขึ้น องค์กรก็จะได้คนมีคุณภาพไปร่วมงาน”
ในตอนท้าย คุณสาธรยังบอกด้วยว่า LEARN Corporation เป็นธุรกิจ EdTEch ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และยังเกริ่นด้วยว่า จะนำเงินไปขยายกลุ่มธุรกิจ Chain School ออกไปอีก 4-5 แห่ง
เรียนรู้ EdTech จาก LEARN Corporation เพิ่มเติมได้ที่ www.learn.co.th
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด