ถอดบทเรียน Snapchat แพลตฟอร์มวิดีโอผู้มาก่อนกาล สู่ Social Media ที่กำลังจะถูกลืม | Techsauce

ถอดบทเรียน Snapchat แพลตฟอร์มวิดีโอผู้มาก่อนกาล สู่ Social Media ที่กำลังจะถูกลืม

กรณีศึกษานี้เป็นการถอดบทเรียนจาก หนึ่งในผู้ใช้งานตัวยงของ Snapchat ที่ได้เล่าถึงจุดบอดของแพลตฟอร์มจากมุมมองของผู้ใช้งาน (user) ที่แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยสร้างปรากฎการณ์ใหม่ของ Social Media ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่กลับถูกคู่แข่งที่มาทีหลังแย่งส่วนแบ่งการตลาด และผู้ใช้งานไป Snapchat กำลังจะกลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถูกลืมอย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้

 Snapchat

ผู้ใช้ Snapchat รายนี้มีชื่อว่า คาเรน บาบาเนีย ชายหนุ่มวัย 24 ปี ซึ่งเขาได้สะสมคลิปตลก ๆ มากมายหลายพันคลิปตั้งแต่สมัยมัธยม ไว้ในแพลตฟอร์มดังกล่าว และไม่ได้คิดว่าอยากจะให้ใครเข้ามาดูหรือให้ความสนใจ 

จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปเมื่อ Snapchat เปิดตัวฟีเจอร์ “Spotlight” ที่เน้นดันวิดิโอไวรัลแบบเดียวกันกับ TikTok และมีนโยบายจ่ายเงินให้กับผู้โพสต์วิดีโอสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ (31.4 ล้านบาท) ต่อวัน ให้กับเจ้าของวิดีโอ Spotlight ที่ได้รับความนิยมสูงสุด

ดังนั้นเมื่อมีฟีเจอร์นี้ขึ้นมา สำหรับบาบาเนีย แล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคม เขาได้รับเงินมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ (3.1 ล้านบาท) จากวิดีโอไวรัลจำนวนหนึ่งที่เขาได้โพสต์ลงไป 

ทำไมผู้ใช้ถึงไม่เชื่อฟีเจอร์ทำเงินใน Snapchat  ?

หลังจากที่เริ่มทำเงินได้กับฟีเจอร์ใหม่ของ Snapchat  บาบาเนีย ได้เล่าให้เพื่อน ๆ ของเขาฟังว่า เขาามารถทำเงินจาก Spotlight ได้มากแค่ไหน แต่เพื่อนของบาบาเนียกลับไม่เชื่อ ดังนั้นพวกเขาโพสต์วิดีโอลงแค่สองสามคลิปแล้วก็ยอมแพ้ไปเลย และไม่ได้ให้ความสนใจใน Snapchat ไปเลย 

โดยบาบาเนียมองว่าการที่คนไม่สนใจนั้น เป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า Snaphat เป็นแพลตฟอร์มที่ทำงานได้จริง ในขณะที่ TikTok นั้นกำลังประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนก็ไม่คิดว่า Snapchat จะไปสู่จุดนั้นได้ 

ทั้งนี้ บาบาเนีย มองว่า สำหรับ Snapchat แล้ว ชื่อเสียงของผู้ใช้งานจะมีผลต่อจำนวนเงินที่จะได้จากแอปฯ เว้นก็แต่ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีชื่อเสียงในโลกอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ฉะนั้น สำหรับบางคน การโพสต์คลิปลง Spotlight จึงเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ แม้ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถทำเงินได้เป็นจำนวนมากก็ตาม

ในขณะที่ TikTok สามารถสร้างชื่อเสียงได้ภายในชั่วข้ามคืน และ Snapchat ก็สร้างความร่ำรวยได้ภายในชั่วข้ามคืนเช่นเดียวกัน เขาโพสต์วิดีโอลงทั้งสองแพลตฟอร์มในขณะทำงานพาร์ตไทม์เป็นพนักงานขายไปด้วย และแม้ว่าเขาจะสามารถทำเงินจาก Snapchat ได้บ้าง  

แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าโอกาสที่จะเป็นไวรัลได้นั้นมีน้อยมากทั้งสองแพลตฟอร์ม ถึง Snapchat จะเป็นแหล่งที่ทำรายได้ได้มาก แต่ข้อเสียคือการขาด Cultural Relevance ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ในเชิงวัฒนธรรม เนื่องจากบน Snapchat ทุกคนแทบจะไม่เปิดเผยตัวตนเลย 

Snapchat ไม่ได้เกิดมาเพื่อสร้างคนดังตั้งแต่แรก

เดิมที Snapchat ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสร้างคนดัง หรือขายไวรัล ตั้งแต่แรก เป็นเพียงแอปพลิเคชันกล้องถ่ายรูปธรรมดาที่ใช้ส่งรูปหากัน เพื่อกระชับความสนิทสนมบนเครือข่ายทางสังคมเท่านั้น ด้วยฟีเจอร์แบบนี้จึงดึงดูดกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นวัยรุ่นซึ่งชื่นชอบการพูดคุยกับเพื่อน ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง 

แต่นอกเหนือจากฟีเจอร์หลักนี้ Snapchat ยังมีความพยายามที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เห็นได้จากการที่บริษัทลงทุนหลายล้านดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อปรับเปลี่ยนตัวแอปฯ ให้มีลักษณะคล้ายกับ TikTok

เมื่อประมาณปี 2017 Snapchat เป็นแอปฯ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากการที่ผู้ใช้งานสามารถรับชมคอนเทนต์ประจำวันของเหล่าคนดัง และเพื่อน ๆ โดยเรียงตามลำดับเวลาที่ลง ซึ่งก็คล้ายกับฟีเจอร์ “Story” ใน Instagram

จนกระทั่งตัวแอปฯ มีการปรับเปลี่ยนใหม่ คือ รวบรวมบัญชีผู้ใช้ของคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ และแบรนด์ต่าง ๆ มาอยู่ที่หน้า Discover เพื่อแยกออกจากบัญชีของคนทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้และเหล่าคนดังอย่างมาก

บทเรียน Snapchat คือ การไม่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ตัวจริง

เทอร์เนอร์ นอวาก นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Banana Capital กล่าวว่า สิ่งที่ Snapchat ต้องการคือการเอาเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ออกไปจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากไม่ต้องการให้ความสำคัญกับผู้ใช้กลุ่มดังกล่าว หลังจากนั้น มูลค่าหุ้นของ Snapchat ก็ผันผวนเป็นอย่างมากในปี 2018 ซึ่งถือเป็นปีที่หนักหนาสำหรับ Snapchat ทีเดียว

นอกจากนี้ Snapchat ยังได้รับผลกระทบจากความสำเร็จของฟีเจอร์ใหม่ของ Instagram ได้แก่ ฟีเจอร์ “Story” แบบ 24 ชั่วโมงและฟิลเตอร์เลนส์ ทำให้นักโฆษณาและนักลงทุนเริ่มเสียศรัทธาใน Snapchat เนื่องจากไม่เห็นมุมมองระยะยาวและความสามารถที่จะทำกำไรกับแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ 

รวมถึงเหล่าคนดังเองก็เริ่มสนใจตัวแอปฯ น้อยลง ด้วยการเปลี่ยนแปลงของแอปฯ ที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ ส่งผลให้ผู้ใช้มากกว่าหนึ่งล้านคนลงชื่อในเว็บไซต์ Change.org เพื่อเรียกร้องให้แอปฯ กลับมาเป็นเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นได้ว่า Snapchat ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่ให้พื้นที่กับผู้ใช้ในการสร้างคอนเทนต์ ซึ่งไม่เหมือนกับ TikTok หรือ Instagram ดังนั้น นี่ ก็อาจเป็นจุดที่ทำให้ Snapchat เป็นแพลตฟอร์มที่กำลังจะถูกลืม เนื่องจากไม่มี Cultural Production จากผู้ใช้ เป็นเพียงแค่การขายคอนเทนต์ทั่วไปบนฟีเจอร์ Discover และ Spotlight และมีไว้สำหรับการพูดคุยสื่อสารกันเท่านั้น


อ้างอิง  Vox 


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AI จะเป็น ‘ผู้กอบกู้’ หรือ ‘ผู้ทำลาย’ การ์ตูนญี่ปุ่น

เมื่อประตูสู่วัฒนธรรมและเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นอย่าง อนิเมะและมังงะกำลังถูก AI แทรกแซง อนาคตของวงการนี้จะเป็นยังไง ?...

Responsive image

เจาะลึกเทรนด์ Spatial Computing จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับองค์กรยุคใหม่

Spatial Computing คือเทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือนจริงและโลกจริงเข้าด้วยกัน ซึ่งมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัล ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการฝึกอบรมและ...

Responsive image

ถอดกลยุทธ์ ‘ttb spark academy’ ปั้น Intern เพิ่มคนสายเทคและดาต้า Co-create การศึกษาคู่การทำงานจริง

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เห็น Pain Point ว่าประเทศไทยขาดกำลังคนด้านดิจิทัล (Digital Workforce) และธนาคารก็ต้องการคนเก่ง Tech & Data จึงจัดตั้ง ‘ttb spark academy’ เพื่อปั้น ...