หลังจากการควบรวมเป็น LINE MAN WONGNAI ในปี 2019 บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาบริการมาอย่างต่อเนื่อง เกิด Synergy ใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมแกร่งให้ธุรกิจเติบโตถึง 15 เท่า เป็นผู้เล่นในตลาดของบริการขนส่งอาหาร ที่โตเร็วที่สุดในประเทศ ก้าวขึ้นสู่แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานอันดับหนึ่ง ครองตำแหน่ง National Champion of Food Delivery มากไปกว่านั้น POS System ยังเป็นอีกหนึ่งหัวใจของบริษัทที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในไทย โดยสถิติที่น่าสนใจ คือ ร้านค้าที่เข้าร่วมนั้นใช้บริการของบริษัทมากกว่าหนึ่งอย่างอีกทั้งร้านค้าที่ใช้บริการนั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2.8 เท่าเลยทีเดียว

ในช่วงที่ผ่านมา LINE MAN WONGNAI รับหน้าที่สำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพสำหรับไรเดอร์กว่าแสนราย และร้านค้ากว่าแสนราย ผู้ใช้งานถึง 10 ล้านคน มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนไทยและเป็นฟันเฟืองที่สำคัญของเศรษกิจไทย สอดคล้องกับเป้าหมาย Empower All Local Business และความต้องการช่วยให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น 

ในปีนี้ที่ก้าวเข้าสู่การเป็นยูนิคอร์น สำหรับบริษัทเทคฯสตาร์ทอัพเมื่อวัดจากมูลค่าบริษัท  จากการระดมทุน Series B มูลค่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9,700 ล้านบาท) โดยมี Lead Investor คือ GIC กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ และบริษัท LINE Corporation ในการระดมทุนรอบนี้ยังมี BRV Capital Management, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR), Bualuang Ventures และ Taiwan Mobile 

คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อเป็นครั้งแรก 

มีแผนที่จะใช้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้อย่างไรบ้าง

เป็นเรื่องของการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน โดยเฉพาะ engineer UX/UI Designer Data Scientist  เป็นเรื่องหลักซึ่งเป็นตำแหน่งที่ค้นหาอยู่ตลอด ที่เราต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัดเทียมกับระดับโลกจริงๆ และ การขยายฐานผู้ใช้งานจาก 10 ล้าน เป็น 50 ล้านตามจำนวนประชากรก็นับเป็นเป้าหมายของเราด้วย ที่อยากให้ผู้ใช้ internet user เป็นผู้ใช้บริการ platform ของเรา รวมทั้งการนำมารันธุรกิจ การทำโปรโมททำมาเกตติ้ง ที่เราต้องลงทุนตรงจุดนั้นอย่างต่อเนื่อง

กระแสในเรื่องของธุรกิจสตาร์ทอัพที่ใช้เงินค่อนข้างเยอะ จะทำให้มีกำไรอย่างไรบ้าง

ผมคิดว่าการที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า path to profitability นั้นดีขึ้นเรื่อยๆในทุกๆเดือน ซึ่งหนทางไปสู่สิ่งนั้นค่อนข้างที่จะน่าเชื่อถือและชัดเจน เรามุ่งมั่นในการทำกำไรในควบคู่กับเติบโตแบบ sustainability เราเองก็ทำธุรกิจแบบคุมกันเอง เราคุมตั้งแต่ต้นทุกบาททุกสตางค์ เราไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายตั้งแต่ต้น เหมือนเป็นการ juggle ball หลายๆลูกพร้อมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด ไม่ได้ลดคนหรือเพิ่มคน เป็นการโตไปด้วยกัน พนักงานทั้งหมดมีหนึ่งพัน หลักๆจะเพิ่มในเอนจิเนียร์

เราโดดเด่นยังไงที่ทำให้นักลงทุนประทับใจ จนเกิดการระดมทุนครั้งนี้

หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น synergy ที่เรามีระหว่าง Line man และ Wongnai ที่มีร้านอาหารมากที่สุด POS ก็ใหญ่ที่สุดซึ่งตรงนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีคุณค่าจริงๆ อย่างที่สองคือ synergy ที่เรามีกับ Line เพราะเป็นผู้ถือหุ้นที่สำคัญและเราเองก็ทำอะไรกับ Line ค่อนข้างเยอะ เป็นสิ่งที่เราคิดจะต่อยอดจากตรงนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างที่สามคือยกประโยชน์ให้กับทีมงานทุกคนที่สามารถ execute งานออกมาได้ดีและลงรายละเอียด และ grow market share ได้ในรอบสองปีที่ผ่านมา

คิดว่าเศรษฐกิจจะทำให้ตลาดซบเซามั้ยโดยเฉพาะไตรมาสสุดท้าย

เศรษฐกิจมีผลอย่างแน่นอน ซึ่งมีทั้งด้านดีและด้านเสีย ยอดขายก็สูงขึ้นตามราคาอาหารที่สูงขึ้น เช่นกินน้อยลงแต่ของแพงขึ้นเป็นส่วนที่บาลานซ์กัน ตอนนี้โควิดไม่ได้มีผลกระทบอะไร และคนที่ยังใช้ Food Delivery ก็ยังใช้อยู่ 

รู้สึกยังไงกับการเป็น Unicorn ตัวล่าสุด

ความสำเร็จของการระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ LINE MAN Wongnai ที่ให้โอกาสพวกเราสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญ และขึ้นเป็น National Champion ในอุตสาหกรรมส่งอาหารของประเทศไทย เป็นความมุ่งมั่นที่จะผลักดันประเทศไทยไปข้างหน้า ด้วยการพัฒนาบริการที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนไทย เพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น 

เราหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Tech Startup รุ่นใหม่ แผนการแรกเรามีเป้าหมายที่จะ IPO แต่อีกแผนการเราก็หวังว่า จะเป็น Decacorn ในอนาคตต่อไป