เมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพื่อเติบโตให้ทันพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทุกอุตสาหกรรมต่างเร่งปรับตัวเพื่อจะอยู่รอดต่อไป ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนามาก ความเสี่ยงก็เกิดมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเงินที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการจะต้องบริหารจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพที่สุด ทำให้ปัจจุบันก็มีหลากหลายบริษัทและหน่วยงานที่ทำหน้าที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยสถาบันการเงินและธุรกิจ FinTech ให้เติบโตและมีความปลอดภัยในการบริหารงานและให้บริการลูกค้า ซึ่งหนึ่งในนั้นเองก็มีบริษัท Provenir ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม AI-powered risk decisioning สำหรับผู้ประกอบการ FinTech ที่วันนี้ทาง Techsauce จะมาแนะนำบริษัทพร้อมฟังความเห็นเพิ่มเติมในหลายประเด็นจาก คุณ Andre Marques หัวหน้าฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Provenir
จากข้อมูลของ Provenir พบว่า ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้นอย่างมาก โดยมีผู้บริโภคกว่า 55% ที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบดิจิทัล และผู้บริโภคกว่า 76% ต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่ปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคลในช่วงเวลานั้นนั้นอย่างทันที
เช่นเดียวกับในอุตสาหกรรม FinTech ที่สถาบันทางการเงินและบริษัทต่าง ๆ ต้องออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้ตรงกับลูกค้าแต่ละเจ้าอย่างทันท่วงที แต่โจทย์สำคัญของผู้ให้บริการเหล่านี้คือ การจัดการความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งเมื่อยิ่งให้บริการอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมีมากขึ้น
Provenir จึงได้นำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแก้ปัญหาด้านความเสี่ยง โดยที่ยังสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับลูกค้าแต่ละคนได้ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำงานร่วมกับระบบนิเวศข้อมูล (Data Ecosystem) เพื่อช่วยในการตัดสินใจประเมินและจัดการความเสี่ยงอย่างแม่นยำ รวดเร็ว และตัดสินใจด้วยข้อมูลอย่างปราศจากอคติ โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงให้แก่สถาบันการเงินหรือบริษัท
ในการบริการจัดการความเสี่ยงที่มักเกิดขึ้นเมื่อต้องมีการตัดสินใจด้านสินเชื่อ ผู้ให้บริการการเงินจึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังทั้งในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและการใช้ Data มาเพื่อช่วยตัดสินใจด้านสินเชื่อนั้น ต้องมองให้ครบทั้งการเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลายและสามารถนำข้อมูลมาใช้ร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้องแม่นยำ ทำให้การนำ AI มาใช้งานที่ดีนั้นนอกจากจะต้องช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นแล้ว ยังต้องช่วยเพิ่มข้อมูลที่มีประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้ได้อีกด้วย
การมีข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการลดความเสี่ยง โดยเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจด้านความเสี่ยงด้านสินเชื่อและการเงินแบบเดิม ๆ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ จึงต้องมี Solution ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างข้อมูล-AI-การตัดสินใจจากข้อมูล
ดังนั้นการนำ Data, AI และ Decisioning มาทำงานร่วมกันจะสามารถสร้าง Solution ที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะมีการใช้ระบบวิเคราะห์การตัดสินใจแบบ Real-Time Data และการทำโมเดลเพื่อคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น สามารถช่วยเพิ่มความคล่องตัว และทำให้กระบวนการตัดสินใจทั้งหมดง่ายขึ้น ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้เองที่จะช่วยให้องค์กรและบริษัทสามารถทำงานได้ดีและรองรับความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย พร้อมช่วยสร้างการตัดสินใจที่แม่นยำได้
ซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ที่ทำหน้าที่ในการตัดสินใจไม่ได้อยู่ในรูปแบบของ One-Size-Fits-All ดังนั้นบริษัทจึงควรมีเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหนือชั้น และทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นอันดับต้น ๆ ในวงการ จากปัญหาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในธุรกิจการเงิน Provenir จึงเข้ามาตอบโจทย์และแก้ปัญหาด้านการประเมินความเสี่ยงและการตัดสินใจ ทั้งด้านการยืนยันตัวตนในด้านสินเชื่อ การป้องกันการทุจริต และปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง โดย Provenir เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม AI-powered risk decisioning ในรูปแบบ No-Code, Cloud-Native และรวบรวม Solution จาก AI และ Machine Learning ในทุกระดับ โดยทุกฟีเจอร์ออกแบบมาเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของสถาบันการเงิน FinTech และหน่วยงานด้านการเงิน
Provenir ได้นำเสนอข้อมูลให้เห็นว่าเรื่องของการตัดสินใจและความเสี่ยงในการทำให้เครดิตของสถาบันการเงินนั้นมีความจำเป็นจะต้องวิเคราะห์และใช้ข้อมูลที่หลากหลาย แต่ก็ต้องมีการอนุมัติที่รวดเร็วด้วยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทัน ยิ่งในประเทศไทยที่กำลังจะพัฒนาไปสู่ความเป็นดิจิทัลแล้วก็ยิ่งเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาธุรกิจให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง AI จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำงาน และการขยายโอกาสทางธุรกิจ
เมื่อพูดถึง Thailand 4.0 โมเดลขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นดิจิทัล จะเห็นได้ว่าหลายองค์กรต่างเตรียมพร้อมรับกับโมเดลนี้โดยปรับตัวให้พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในส่วนนี้เอง AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเป็นดิจิทัล และเป็นโอกาสที่สำคัญในการเติบโตของ AI ในวงการ FinTech ซึ่งคาดว่าตลาด AI จะมีมูลค่ามากถึง 69 พันล้านบาทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การมุ่งมั่นพัฒนาในด้านเทคโนโลยีของประเทศไทยจึงมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยผลักดันวงการ FinTech ให้เติบโตและยังช่วยพัฒนาภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับ 3 สิ่งหลักคือ การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI การผลักดันการสร้างนโยบายและข้อปฏิบัติที่ส่งเสริมการปรับใช้ AI รวมถึงเชิญชวนให้มีการใช้งานในระดับท้องถิ่น อีกทั้งยังมีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า AI เข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนาและสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับสังคม
“ที่ Provenir เราคือผู้ช่วย FinTech ในภูมิภาค ในการพัฒนาธุรกิจและใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจท้องถิ่น เราพร้อมที่จะเสนอวิธีการใช้งาน Data, AI และ Decisioning ที่ไม่เหมือนใคร ในการทำงานเพื่อตอบรับกับ Thailand 4.0 และผลักดันนวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม”
AI-powered risk decisioning นอกจากจะตอบโจทย์ต่อผู้ให้บริการทั้งการจัดการความเสี่ยงและการออกแบบผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าที่จะเข้ามาทำธุรกรรมต่าง ๆ กับผู้ให้บริการ ที่ครอบคลุมบริการมากมาย ตั้งแต่การกู้ยืมของ SMEs, Buy Now Pay Later (BNPL), การจัดไฟแนนซ์ให้กับรถยนต์, การจัดการแหล่งเงินกู้, ผู้ให้บริการเครือข่ายสำหรับโทรศัพท์มือถือ, การให้สินเชื่อ, บัตรเครดิต และธุรกรรมการเงิน รวมไปถึงการป้องกันการทุจริต, eCommerce, Challenger Banking และธุรกิจประกันภัย
2 ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ (1) การกู้ยืมของ SMEs และ (2) Buy Now Pay Later (BNPL) หรือซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ทั้งสองกิจกรรมการเงินนี้ต้องการการตอบรับทางเครดิตที่มีความรวดเร็วและมีอัตราการอนุมัติสูง เพราะว่าการเข้าถึงเงินทุนได้เร็วจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจ ผู้ให้กู้ที่ทำงานร่วมกับ SMEs จึงควรมีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายเพื่อตัดสินใจได้ทันที และต้องมีระบบการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นเร็ว
ในขณะที่ BNPL ทุกวันนี้เร่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ และต้องต่อสู้เพื่อเสนอประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าและผู้สนใจ การอนุมัติเงินได้ในทันทีจึงกลายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับผู้ใช้ BNPL ไปแล้ว ผู้ให้บริการ BNPL จำเป็นต้องมีความสามารถในการตัดสินใจที่รวดเร็วและสามารถรวมแหล่งข้อมูลที่หลากหลายได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลทางเลือก เนื่องจาก BNPL มักถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ทำงานได้กับรูปแบบสินเชื่อแบบดั้งเดิม ซึ่งผู้ที่ไม่มีประวัติเครดิตอย่างเป็นทางการอาจไม่สามารถเข้าถึงได้) อีกทั้งลูกค้ายังต้องการทำงานที่พร้อมปรับตัวได้อย่างรวดเร็วด้วย เนื่องจากกฎหมายและระเบียบข้อบังคับมีการพัฒนาอยู่เสมอ หากองค์กรดำเนินการช้าอาจจะเกิดคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาดได้
AI-powered risk decisioning จึงเป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น มีการตัดสินใจที่ชาญฉลาดขึ้น และเพิ่มความคล่องตัวและความสามารถในการเข้าถึงตลาดได้เร็วขึ้น พร้อมสร้างความมั่นใจว่าทั้งผู้ให้บริการ BNPL และผู้ให้กู้ SMEs จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น และนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือชั้นกว่ามามอบให้กับลูกค้าได้
Andre Marques หัวหน้าฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Provenir กล่าวว่า “สถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินจำนวนมากต่างกำลังสนใจที่จะลงทุนใน AI หลายองค์กรก็ยังรู้สึกว่าการนำ AI ปรับใช้ในการตัดสินใจก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ถึงอย่างไรการนำ AI เข้าไปใช้งานนั้นคุ้มค่า เพราะด้วยความสามารถในการป้องกันการทุจริต การปรับราคาให้เหมาะสม และเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ทำขึ้นเฉพาะให้กับลูกค้า จะช่วยขยายฐานลูกค้าของคุณโดยไม่เพิ่มความเสี่ยง และเสริมอำนาจการรวมทางการเงินด้วยการตัดสินใจที่แม่นยำตามข้อมูลจริง”
อย่างที่คุณ Andre Marques บอกว่าการนำเอา AI มาปรับใช้ในการตัดสินใจด้านการเงินนั้นอาจจะดูน่ากลัว และ AI-Powered Desicioning Platform ที่เป็นแพลตฟอร์มแบบ No-code ที่ใช้งานบนคลาวด์ โดยรวมเอาเทคโนโลยีทั้ง AI และ Machine Learning เข้าด้วยกันนั้นอาจจะดูซับซ้อน
สามารถทำความเข้าใจกระบวนการตัดสินใจด้วย AI ได้ง่าย ๆ ก่อนจะเข้ามาพาองค์กรของคุณก้าวสู่อีกขั้นในการจัดการความเสี่ยงและตอบรับกับอนาคตการเงิน โดยรายละเอียดการใช้งานและสิ่งที่องค์กรจะได้รับ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง eBook จาก Provenir
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด