Alibaba Cloud เปิดตัว Qwen2.5-Max โมเดล AI รุ่นใหม่ที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดเทคโนโลยีสหรัฐฯ อีกครั้งในรอบสัปดาห์นี้ นี่เป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นครั้งที่ 2 หลังจากจีนเปิดตัว AI ระดับสูงอีกตัว คือ DeepSeek R1 ซึ่งทำให้หุ้นของ Nvidia ร่วงลงกว่า 17% เพราะนักลงทุนเริ่มตระหนักว่า AI ของจีนอาจกำลังไล่ทันหรือแม้แต่แซงหน้าสหรัฐฯ
โมเดล AI ตัวใหม่นี้ ทำคะแนนได้สูงกว่าทั้ง DeepSeek R1 และสามารถแข่งขันกับ GPT-4o และ Claude-3.5-Sonnet ซึ่งเป็น AI ระดับท็อปของสหรัฐฯ ได้อย่างสูสี โดยเฉพาะในด้านการใช้เหตุผลและการวิเคราะห์ข้อมูล ตัวเลขที่น่าสนใจคือ
นอกจากจะมีประสิทธิภาพสูงแล้ว Alibaba ยังเน้นว่า Qwen2.5-Max ใช้พลังประมวลผลน้อยลงมาก เพราะใช้สถาปัตยกรรมแบบ Mixture-of-Experts (MoE) ซึ่งเปิดใช้งานเฉพาะบางส่วนของเครือข่ายประสาทเทียมตามความต้องการของงานนั้น ๆ ทำให้ ลดภาระของ GPU และโครงสร้างพื้นฐาน ได้อย่างมหาศาล
หนึ่งในจุดที่ทำให้ Qwen2.5-Max น่าสนใจคือ ต้นทุนการใช้งานที่ถูกลงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ AI แบบเดิมที่ต้องใช้ ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ GPU หลายหมื่นตัว
นั่นทำให้ Qwen2.5-Max โดดเด่นในเรื่อง
ก่อนหน้านี้ ความเชื่อหลักในวงการ AI คือ ถ้าจะพัฒนา AI ที่ฉลาดขึ้น ก็ต้องใช้ชิปประมวลผลที่แรงขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทในสหรัฐฯ เช่น OpenAI และ Google ลงทุนใน GPU นับหมื่นตัว
แต่จีนกำลังแสดงให้เห็นว่า AI ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากำลังประมวลผลมหาศาลเสมอไป Qwen2.5-Max ใช้ เทคนิคที่ฉลาดกว่า โดยเลือกเปิดใช้งานเฉพาะบางส่วนของระบบประสาทเทียม (MoE) ทำให้ใช้ทรัพยากรน้อยลง แต่ยังสามารถให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า
เว็บไซต์ venturebeat ระบุว่า ทิศทางของ AI กำลังเปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นพลังประมวลผลมหาศาล มาเป็นการออกแบบระบบที่ฉลาดขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า
สำหรับ บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ คำถามสำคัญคือ พวกเขาจะสามารถปรับตัวได้เร็วพอหรือไม่? หากไม่สามารถเปลี่ยนแนวทางได้ทันเวลา จีนอาจก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ AI ของโลกได้ภายในไม่กี่ปี ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันกำลังชี้ให้เห็นว่ามาตรการควบคุมการส่งออกชิปของสหรัฐฯ อาจย้อนกลับมาส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ เอง
เดิมทีสหรัฐฯ คาดหวังว่าการจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงให้จีนจะช่วยชะลอการพัฒนา AI ของจีน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม จีนกลับเร่งพัฒนาสถาปัตยกรรม AI ที่ฉลาดขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลง ทำให้สามารถแข่งกับสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชิประดับสูงจาก Nvidia หรือ AMD
หากจีนสามารถพัฒนา AI ที่ทรงประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้ชิปนำเข้าอุตสาหกรรม AI ทั่วโลกอาจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลายประเทศอาจเลือก ใช้ AI จากจีนแทนสหรัฐฯ เพราะต้นทุนต่ำกว่าและใช้ทรัพยากรคุ้มค่ากว่า ซึ่งจะทำให้บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักขึ้น เนื่องจากโมเดล AI ของจีนอาจถูกนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก
อ้างอิง: venturebeat
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด