เจาะสมองมนุษย์ พัฒนากลยุทธ์การตลาด โดยคุณทอย กษิดิศ ด้วยศาสตร์ Behavioral Economics | Techsauce

เจาะสมองมนุษย์ พัฒนากลยุทธ์การตลาด โดยคุณทอย กษิดิศ ด้วยศาสตร์ Behavioral Economics

“อย่าทำอะไรที่สวนทางความเชื่อของคน” นี่คือประโยคที่คุณทอย นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของไทยย้ำในวิธีทำการตลาด และชี้ว่านักการตลาดจะได้แต้มต่อก็ต่อเมื่อเข้าใจวิธีการทำงานของสมอง ในบทความนี้ Techsauce จึงอยากพาทุกคนมาเจาะลึกเนื้อหาจาก Session Behavioral Design for Better Marketing จากงาน Marketing Insight & Technology Conference 2024

หรือการออกแบบพฤติกรรมการตลาดที่ดีกว่าด้วย เศรษศาสตร์พฤติกรรมหรือ Behavioral Economics โดยคุณทอย กษิดิศ สตางค์มงคล จาก DataRockie 


1. รู้จัก Choice Architecture: จิตวิทยาที่แฝงอยู่ใน “ทางเลือก"

Choice Architecture คือ การออกแบบทางเลือกที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้คน โดยคุณทอยได้ยกตัวอย่าง 3 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบโลกได้แก่

  • จูบกระจก: เด็กนักเรียนเลือกที่จะจูบกระจกในห้องน้ำของโรงเรียนก่อนที่จะเลือกไม่ทำอีกเนื่องจากเมือเห็นการทำความสะอาดด้วยการจุ่มน้ำจากชักโครก
  • อ่านหนังสือ: นักโทษเลือกที่จะทำผิดซ้ำๆ แต่เมื่อเข้าโครงการอ่านหนังสือเพื่อลดหย่อนโทษ หนังสือทำให้คนเลือกที่จะไม่ทำผิดซ้ำๆ อีก
  • เยี่ยมชม: พิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอนประสบปัญหานักท่องเที่ยวไม่ขึ้นไปชั้นบนสุด แต่เลือกที่จะชมแค่ชั้นหนึ่งถึงสองเท่านั้น แต่เมื่อปรับเพิ่มบันไดเลื่อนตรงขึ้นไปชั้นบนสุด พบว่านักท่องเที่ยวเลือกที่จะขึ้นไปมากขึ้น

ทั้งสามเหตุการณ์มีจุดร่วมกันคือ ทุกคนมีทางเลือกที่จะทำได้ตามใจต้องการ และเราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องบังคับ เพียงแค่ทำให้ "ทางเลือก" ที่เราต้องการเสนอ ดูน่าสนใจและเข้าถึงได้ง่าย หรือให้มันตอบโจทย์มากกว่าทางเลือกอื่นๆ 

ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎี Choice Architecture ที่มีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนพฤติกรรมนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีหลักการทำงานอยู่ทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่

  1. Keep all Choices: หัวใจสำคัญคืออย่าเพิ่งรีบตัดทางเลือกใดทิ้งไป แม้จะคิดว่าไม่น่าสนใจ หรือไม่มีใครเลือกก็ตาม
  2. Free to Choose: มนุษย์ทุกคนต้องการรู้สึกมีอำนาจในการตัดสินใจ ดังนั้นอย่าบังคับให้เลือก แต่จะต้องจูงใจให้เลือก
  3. Redesign the Interface: การออกแบบคือกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องออกแบบทางเลือกให้มีฟังก์ชันที่จูงใจ
  4. Lead to a Better Life: ทางเลือกที่ออกแบบมาจะต้องทำให้ผู้คนรู้สึกว่า เป็นทางเลือกที่ทำให้ชีวิตของพวกดีขึ้น และเกิดผลลัพท์ที่ดีขึ้นได้

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ Behavioral Economics เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองทั้งสองส่วนที่มีผลในการตัดสินใจ

2. เข้าใจ ‘จิตวิทยาสมอง’ อาวุธลับ พิชิตใจผู้บริโภค

คุณทอยอธิบายว่า การตัดสินใจของมนุษย์ใช้สมอง 2 ระบบ ได้แก่

  • System 1 หรือส่วน Auto Pilot เป็นส่วนที่ตัดสินใจไว ฉาบฉวย ให้สัญชาตญาณและอารมณ์ในการตัดสินใจและมักมี Bias ในการตัดสินใจอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งระบบนี้นักการตลาดสามารถใช้ประโยชน์ได้จากการสร้าง "ความรู้สึก" ที่ดีต่อแบรนด์ หากลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ จะส่งผลให้ System 1 ในสมองของพวกเขาทำงานได้ดี และมีโอกาสตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของแบรนด์
  • System 2 หรือส่วน Pilot เป็นส่วนที่ใช้ความคิดอย่างช้าๆ ในการตัดสินใจ พิจารณาจากเหตุผลและการวิเคราะห์ ทำให้รับข้อมูลได้น้อยกว่า System 1 ดังนั้น แบรนด์สามารถใช้ประโยชน์จากระบบนี้ ด้วยการสร้าง “ความน่าเชื่อถือ” ให้กับตนเอง 

คนส่วนใหญ่มักคิดว่า System 1 และ 2 ทำงานแยกกัน แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองระบบทำงานประสานกันตลอดเวลา ซึ่งนักการตลาดจะต้องเข้าใจการทำงานของสมองทั้งสองส่วน เพื่อที่จะออกแบบกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับการตัดสินใจให้ได้

อย่างไรก็ตามคุณทอยย้ำว่า “คนเราจะเลือกในสิ่งที่ตนเองชอบมากที่สุด” ดังนั้นสิ่งสำคัญที่แบรนด์ต้องทำอันดับแรกๆ ก็คือการเข้าไปเป็น Top of Mind ของผู้บริโภคให้ได้เพราะยิ่งคุ้นเคยกับแบรนด์ไหนมากที่สุด ก็จะเลือกซื้อสิ่งนั้นมากเท่านั้น เนื่องจากมนุษย์จะใช้สมอง System 1 ในการตัดสินใจ แม้ว่าสมองส่วน System 2 จะมีเหตุผลในการพิจารณามากแค่ไหน ในฐานะผู้บริโภคก็จะเลือกในสิ่งที่ตนเองชอบมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

3. ปรับเปลี่ยนการตัดสินใจของมนุษย์แบบมีหลักการ

ต้องจดจำให้ได้แค่เพียงแวบเดียว: อย่างที่กล่าวไปว่าทั้งสองระบบทำงานควบคู่กัน ถึงแม้เราจะใช้ System 2 เวลาเราโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ System 1 ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้จำนวนมากก็จะจดจำสิ่งที่อยู่รอบข้างได้เสมอ ดั้งนั้นแบรนด์จะต้องทำให้คนสามารถจำได้แม้แค่มองเพียงแวบตาเดียว

เพราะ Branding นั้นสำคัญ: System 1 ยังมี concept ที่เรียกว่า Framing หรือการตีกรอบการตัดสินใจเมื่อพิจารณาจากสิ่งรอบข้างที่แม้จะจับต้องไม่ได้ เช่น Oppo กับ Samsung แม้ System 2 จะพิจารณาถึงความสามารถ ข้อดีข้อด้อยแบบมีเหตุผลรองรับก็ตาม System 1 จะมองแค่แบรนด์ที่ครอบเอาไว้ ทำให้ตัดสินใจจากสิ่งที่ตัวเองชอบมากกว่า

ประสบการณ์ที่ได้รับมากกว่าเงินที่จ่ายไป: หรือที่เรียกว่า Neuro-Logic of Decision Making ทุกการตัดสินใจของเราขึ้นอยู่กับสมการง่าย ๆ คือ “ผลตอบแทน - ความเจ็บปวด ต้องมากกว่า 0” หรือความรู้สึกของ Value เพราะคนเราจะเลือกในสิ่งที่ได้ Reward มากกว่า Pain เสมอ แบรนด์จะต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าพวกเขาได้รับประโยชน์มากกว่าสิ่งที่เสียไป 

แต่ในบางครั้ง Reward ที่ได้ มักจะมาในรูปแบบที่ไม่เห็นผลในตอนนี้ เช่น การออกกำลังกาย เพราะทำวันนี้จะได้แค่ Pain อย่างเดียว แต่จะเห็นผลเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคน 

แต่ถ้าสามารถสร้าง Immediate Reward ได้ทันทีและสามารถผลัก Pain ออกไปในอนาคตได้ จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกแบรนด์ของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น การผ่อนรถยนต์ เพราะสร้าง Reward ด้วยการได้ของก่อน แต่ผลัก Pain ไปเป็นการผ่อนระยะยาว เป็นต้น

เล่นกับการคาดหวังและทำให้เกินคาดเสมอ: การที่จะขายของแพงแต่ให้คนมองว่ามันถูก นอกจากเรื่องของ ‘คุณภาพ’ แล้ว รูปแบบการสื่อสารเป็นสิ่งที่แบรนด์สามารถเล่นได้ เช่น Apple เปิดตัว iPad ด้วยการประกาศว่าจะขายในราคาไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แน่นอนว่าความคาดหวังของคนต่อแบรนด์อย่าง Apple เดาเอาไว้ไม่น่าต่ำกว่า 999 - 799 ดอลลาร์สหรัฐฯ 

แต่สุดท้าย Apple เปิดตัว iPad ด้วยราคา 499 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในความเป็นจริง ราคา iPad รุ่นนั้นเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งและที่ใช้งานได้น้อยกว่าด้วย แต่เมื่อราคามันต่ำกว่าที่ผู้คนคาดการณ์ไว้ สมองจึงรู้สึกว่า iPad เปิดตัวด้วยราคาที่ถูกนั่นเอง

สุดท้ายนี้คุณทอยได้สรุป 3 สิ่งสำคัญที่นักการตลาดจะต้องเข้าใจได้แก่

  1. Reward- Pain >0 : ผู้บริโภคจะต้องได้รับมากกว่าสูญเสีย
  2. Maximize reward, Minimize pain: เพิ่มประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะต้องได้รับ และต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องเสียไม่ใช่แค่เงินเพียงอย่างเดียว
  3. Become a Choice Architecture: สร้างตัวเลือกและต้องเสนอให้เห็นว่าสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

อินโดนีเซีย เปิดรับเทคโนโลยีอย่างไร เพื่อสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ ถอดบทเรียนจากงาน Bali International Airshow

อินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศเนื้อหอมที่บิ๊กเทคฯ ต่างประเทศแห่เข้าไปลงทุนมากมาย ซึ่งหากนับแค่ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพียงปีเดียวอินโดนีเซียสามารถสร้างมูลค่าถึง 34,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ...

Responsive image

รู้จัก “Phygital” การตลาดยุคใหม่แห่งอนาคต ผ่านเทคโนโลยี Immersive Experience ของ Translucia

Techsauce จึงอยากพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยี ‘โลกเสมือน’ ผ่านหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Translucia บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนา Immersive Experience ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะเปลี่ยนวิธีการเ...

Responsive image

ต้นกำเนิด Panpuri ศึกษาจากตำราอายุ 300 ปี ปั้นแบรนด์หรูสัญชาติไทยมูลค่าพันล้านบาท

ตั้งแต่ก่อตั้งมา Panpuri เติบโตอย่างน่าทึ่ง มีอายุกว่า 20 ปีและทำรายได้ทะลุพันล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่ได้รับการตอบรับดีเยี่ยม บทความนี้ Techsauce จะพาไปสำรว...