การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทั่วโลกนั้นได้เร่งให้วิถีชีวิตของผู้คนนั้นเปลี่ยนเข้าสู่สิ่งที่เราเรียกกันว่า ‘ความปกติใหม่’ หรือ ‘New Normal’ ที่ทุกคนนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาดและการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ไม่ใช่แค่วิถีชีวิตของผู้คนเท่านั้นที่ถูกเร่งโดยการแพร่ระบาดทั่วโลกครั้งนี้ แต่ยังรวมถึงการเร่งให้โลกของเรานั้นต้องก้าวเข้าสู่ยุคของดิจิทัลมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งในยุค New Normal นี้ ‘เทคโนโลยี’ จะเข้ามามีบทบางอย่างมากในการช่วยให้ผู้คนนั้นใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น ทาง KASIKORN Business - Technology Group (KBTG) หนึ่งในผู้นำนวัตกรรมทางการเงินได้ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือสังคมในการสรรสร้าง 6 Contactless Technology เทคโนโลยีไร้สัมผัส ตอบโจทย์ชีวิตผู้คนในยุค New Normal มากขึ้น
คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG ได้เผยว่า COVID-19 นั้นได้เป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งพฤติกรรมของคนอย่างมหาศาล เห็นได้ชัดจากจำนวนผู้ใช้ KPLUS ที่เพิ่มขึ้นถึง 13 ล้านคน โดยยอดธุรกรรมทางเงินนั้นเพิ่มขึ้นถึง 68% YoY หรือจาก 165 ล้านเพิ่มขึ้นเป็น 277 ล้าน รวมถึงยอด K-Payment ในประเภท E-Commerce ที่มีการเติบโตถึง 128% YoY ซึ่งโดยปกติแล้วการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนนั้นจะใช้เวลาเป็นปีๆ แต่ในตอนนี้มันใช้เวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าคนนั้นหันมาปรับเปลี่ยนสู่การใช้ Contactless Technology มากขึ้น ซึ่งก็หมายความว่าบริการทางการเงินนั้นจะต้องอำนวยสะดวกผู้ใช้ในตอนนี้มากขึ้นเช่นกัน
‘The Future of Banking is Now’ ทาง KBTG นั้นจะไม่หยุดการพัฒนาอยู่แค่ตรงนี้เท่านั้น สิ่งที่ทาง KBTG จะทำนั้นคือการเป็น ‘Ambient Intelligence’
เมื่อไหร่ที่เราเดินเข้าไป คอมพิวเตอร์รู้จักตัวเรา จำเราได้จากหน้าเราและจากเสียงของเรา เราไม่ต้องไปนั่งสัมผัสกันแล้ว คอมพิวเตอร์พอรู้จักเสร็จปุ๊ป ขั้นต่อไปมันคือรู้ใจ และต่อไปมันอยู่ในทุกที่ มันอยู่ใน Ambient คืออยู่ในสภาพบรรยากาศทั้งหมดรอบ ๆ ตัวเรา
ซึ่งขั้นตอนสู่ Ambient Intelligence นั้นจะเริ่มจาก Contactless Technology, Smart Branch, Harmonised Channel Experience, Virtual Assistant และ Real Time Asset Appraisal แต่ในตอนนี้ KBTG นั้นอยู่ที่ขั้นของ Contactless Technology และ Smart Branch หรือตึก K Move ก็ได้เปิดตัวแล้วจุฬาฯ โดยในปีถัด ๆ ไปทาง KBTG จะพัฒนาการบริการให้เหนือไปอีกขั้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำให้การบริการในทุก ๆ ช่องทางนั้นเชื่อมต่อกันโดยไม่มีรอยต่อหรือ Seamless นั่นเอง รวมถึง Virtual Assistance และบริการที่ผู้ใช้สามารถถ่ายรูปสินค้าและประเมินราคาได้ทันที ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือเทคโนโลยีที่ทาง KBTG นั้นกำลังพัฒนาและจะนำมาใช้ในอนาคตที่จะทำให้ทุก ๆ การให้บริการนั้นอยู่รอบตัวผู้คนจริง ๆ ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นแผนการและก้าวสำคัญของ KBTG ในการก้าวมาเป็นธนาคารแห่งอนาคต
1. Face Check-in
Face Check-in ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากปัญหาเวลาที่ผู้คนต้องแลกบัตรเมื่อเข้าตึกหรือว่าสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของไวรัสได้ง่าย ทำให้การทำ Face Check-in นั้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากผู้อื่น และยิ่งในช่วงของการระบาดไวรัส COVID-19 หลาย ๆ ที่มีข้อบังคับให้ทุกคนจะต้องใส่หน้ากากอนามัย ดังนั้นทาง KBTG จึงได้ออกแบบวิธีที่จะสามารถจดจำใบหน้าแม้ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ และยังสามารถที่จะตรวจสอบได้ว่าผู้ที่สแกนใบหน้านั้นใส่หน้ากากหรือไม่ และถ้าหากไม่ได้ใส่หน้ากาก ตัว Face Check-in นั้นก็จะแจ้งเตือนให้ใส่หน้ากากอนามัย
2. Face Pay
สำหรับ Face Pay นั้นเป็นตัวที่เสริมจาก Face Pay 1.0 โดยมีการเสริมฟังก์ชัน Touchless เข้าไป ซึ่งสำหรับการใช้งานนั้นมีแค่สองวิธีง่าย ๆ คือสแกนหน้าและใส่จำนวนเงินที่ต้องการชำระเข้าไป ซึ่งนี่ก็จะช่วยให้ผู้ใช้ชำระเงินได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องสัมผัสกับหน้าจอหรือธนบัตร
3. KLOX หรือ Face Locker
ตู้ล็อกเกอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถแสกนใบหน้าเมื่อทำการปิดหรือเปิดล็อกเกอร์โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องสัมผัสใด ๆ นอกจากนี้ตู้ล็อกเกอร์ KLOX นี้ก็สามารถที่จะเชื่อมต่อกับการชำระเงินได้โดยอัตโนมัติ โดยเมื่อผู้ใช้ใช้ล็อกเกอร์ ระบบก็จะคำนวนเวลาและก็ค่าใช่จ่ายตามที่ผู้ใช้ในฝากของไว้ และตัดผ่านบัญชีได้เลยทันที นอกจากนี้ตู้ KLOX นี้ยังสามารถที่จะใช้ในเชิง E-Commerce ได้อีกด้วย ผู้ใช้อาจจะสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และเมื่อสินค้ามาส่งก็สามารถที่จะฝากไว้ในตู้นี้และสามารถมารับสินค้าเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งตู้ KLOX นั้นสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายจุดมุ่งหมายและหลากหลายสถานที่ เช่น คอนโดมิเนียม ฟิตเนส อาคารสำนักงานต่างๆ และงานอีเว้นท์
4. ReKeep
กระดาษใบเสร็จนี่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก จากการสำรวจ 90% ของผู้ที่รับใบเสร็จมามีแน้วโน้มที่จะทิ้งทันที ซึ่งมีจำนวนเทียบเท่ากับ 56,000 ไร่ของต้นไม้ที่ถูกตัดไป ซึ่งตัวเลขนี้มาจากสถิติของ Retailer แค่สามเจ้าเท่านั้น ReKeep นั้นจึงถือกำเนิดมาเพื่อแก้ปัญหาและเป็นโซลูชั่นในเรื่องของทั้ง Contactless และ Paperless ที่จะเปลี่ยนใบเสร็จออกมาในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงยังสามารถใช้ QR Code สแกนควบคู่ไปได้อีกด้วย
5. Eat by Black Canyon
นี่ถือว่าเป็น Co-Innovation จาก KBTG ร่วมกับทาง Black Canyon ในการก้าวเข้าไปสู่อีกขั้นหนึ่งของประสบการณ์ร้านกาแฟไร้สัมผัส โดยภายในร้านจะมีตู้ Kiosk Smart Self-Service และ Face Recognition ที่ลูกค้านั้นสามารถที่จะสั่งสินค้าโดยไม่ต้องแตะหน้าจอใดๆ และยังสามารถที่จะชำระเงินแบบไร้เงินสดผ่าน QR Code และนำไปแสดงที่พนักงาน และรับใบเสร็จแบบดิจิทัล โดยสามารถที่จะสแกน QR Code ได้เช่นกัน นี่ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่จะทำให้ลูกค้านั้นพบกับประสบการณ์ไร้การสัมผัสตั้งแต่ก้าวเข้าร้านกันเลยทีเดียว
6. Contactless Menu
ในปัจจุบันนี้แน่นอนว่าหลาย ๆ ที่ยังต้องใช้การสั่งอาหารจากเมนูต่าง ๆ อยู่ แต่นวัตกรรม Contactless Menu นี้จะเข้ามามาเป็นตัวช่วยหลักให้ลูกค้านั้นสามารถที่จะสั่งเมนูโดยไร้การสัมผัสใดๆ บนหน้าจอ เพียงใช้ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดการสัมผัสในร้านอาหารหรือร้านกาแฟต่าง ๆ และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้ออีกด้วย
ซึ่ง 6 Contactless Technology เทคโนโลยีไร้การสัมผัสนี้จาก KBTG จะเป็นตัวแปรสำคัญทั้งในวงการการเงินและในสังคมของเรา ก่อนหน้านี้การใช้เทคโนโลยีนั้นอาจจะเป็นแค่ตัวเลือก แต่เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นั้นเกิดขึ้น แน่นอนว่าเทคโนโลยีนั้นจะไม่ใช่แค่ตัวเลือกอีกต่อไป เทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตของผู้คนนั้นสะดวกสบายมากขึ้นและยังปลอดภัยจากการความเสี่ยงในการติดเชื้ออีกด้วย COVID-19 นั้นเร่งให้พฤติกรรมของผู้คนนั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาด เรื่องของการเว้นระยะห่าง และเรื่องของการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ดังนั้นเทคโนโลยีที่ KBTG นั้นได้พัฒนาขึ้นมานั้นจะตอบโจทย์ชีวิตของคนในยุค COVID-19 และยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง ซึ่งนี่ยังเป็นก้าวสำคัญของเส้นทางของ KBTG ไปสู่การเป็น ‘ธนาคารแห่งอนาคต’
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด