เมื่อเอ่ยถึงอุตสาหกรรมการก่อสร้าง หลายคนอาจไม่ได้นึกถึงอุตสาหกรรมนี้ในแง่ของการใช้เทคโนโลยี แต่อันที่จริงแล้ว อุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการเทคโนโลยีมากที่สุดในระดับโลก และเพื่อเจาะลึกความต้องการดังกล่าว Ananda UrbanTech บริษัทด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างและอยู่อาศัยในเครือ “อนันดา” บริษัทอสังหาฯ ชั้นนำของไทย ร่วมกับ Brick and Mortar Ventures VC ที่ลงทุนด้าน Construction Tech ในระดับโลก จึงร่วมกันจัดงาน World’s Leading-edge Construction Technology Symposium งานเสวนาอัพเดทความเคลื่อนไหว Construction Technology ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งอันใกล้และระยะยาว Techsauce ได้รับโอกาสเข้าร่วมฟังเสวนาดังกล่าว จึงขอสรุปเนื้อหาภายในงานให้ทุกท่านได้รับทราบไปพร้อมกัน
Brick and Mortar Ventures เป็น Venture Capital ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2015 เน้นลงทุนและจัดการทรัพย์สินใน Startup ขั้น Seed และ Series A ที่ทำ Solution ด้านการออกแบบ ก่อสร้าง และจัดการสิ่งปลูกสร้างทุกรูปแบบ ปัจจุบัน B&M บริหากจัดการเงินในกองทุนแรกมูลค่า 97.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนักลงทุนและบริษัทในอุตสาหกรรมก่อสร้างชั้นนำ พร้อมกับ Partner เป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกอย่าง NASA และหน่วยงานราชการระดับประเทศอย่างสถาบันพัฒนาโครงการ กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ ร่วมด้วย
ปัจจุบัน B&M Ventures มี Startup ใน Portfolio 26 ราย ครอบคลุมทั้งการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง ระบบจัดการงานก่อสร้าง เทคโนโลยีด้านการปฏิบัติงานก่อสร้าง ไปจนถึงเทคโนโลยีตรวจสอบระบบโครงสร้างพื้นฐาน
ในงานเสวนา World’s Leading-edge Construction Technology Symposium ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดไม่พ้นการอัพเดทเทรนด์เกี่ยวกับ Construction Technology ที่จะมีผลกับ “การก่อสร้าง” ในอนาคต โดยได้รับเกียรติจาก Speaker ผู้เป็น Expert ในแวดวงก่อสร้างและเทคโนโลยีระดับโลก ประกอบด้วย Dr. John Millar Chief Strategic Development Officer, Ananda Development, Curtis Rogers, Principal, Brick & Mortar Ventures, Dr. Benjamin Coorey, Founder กับ CEO, ArchiStar และ Simon Gallagher, Director of Technical Services, Integrated Design
Dr. John กล่าวว่า เทคโนโลยีในแวดวงการก่อสร้างไม่ได้แค่สำคัญแต่คือความจำเป็น เพราะในอนาคตมนุษย์จะมีการปรับเปลี่ยนสภาพที่อยู่อาศัยไปเรื่อยๆ จนมีการประเมินกันว่าใน 40 ปีข้างหน้า เราจะ “ก่อสร้าง” สิ่งปลูกสร้างจำนวนมากจนเทียบเท่า “มหานคร” อย่าง New York กันทุกเดือน ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างขนาดมหาศาล จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ก่อนที่ควรต้องการของผู้คนจะไปถึงจุดนั้นจริงๆ
คุณ Curtis กล่าวว่า ทุกวันนี้ เทคโนโลยี ผู้ประกอบการ รวมถึงลูกค้า พร้อมเปิดรับการใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ในการพัฒนา Solution ที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแก้ปัญหาในทุกกระบวนการของการก่อสร้าง แต่จับเพียงบางปัญหาที่มี Impact ต่อคุณภาพของการทำงาน และเมื่อ Startup เริ่มทำ Solution จริงๆ ก็จะพบว่าพวกเขาสามารถทำได้มากกว่า 1 ขั้นตอนในการก่อสร้าง ซึ่งช่วยให้พวกเขา Scale ธุรกิจขึ้นมาได้
Speaker ทั้ง 4 ท่าน ได้แชร์เทรนด์เรื่อง Construction Technology ซึ่งเราสรุปเนื้อหาที่เกิดขึ้นเป็นเทคโนโลยีได้ทั้งหมด 4 หัวข้อ ประกอบด้วย
ทุกวันนี้เราปฏิเสธความร้อนแรงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้แม้แต่ในวงการก่อสร้าง ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนา Solution ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการตรวจสภาพและบำรุงรักษาสิ่งปลูกสร้าง เช่น Archistar.ai ผู้พัฒนา AI ช่วยนักออกแบบวางแผนการออกแบบอาคารโดยใช้ Big Data ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทิศทางลม แสงและเงา สภาพแวดล้อม เส้นทางคมนาคม รูปร่างและขนาดของแปลงที่ดิน ช่วยให้อาคารที่สร้างมีคุณสมบัติที่ดีตามวัตถุประสงค์ที่สุด และ Cumulus ที่พัฒนา AI วิเคราะห์ข้อมูล Internet of Things คอยตรวจสอบและคาดการณ์ความเสื่อมของอาคารไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ช่วยให้การบำรุงรักษาเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่างานก่อสร้างเป็นงานที่ข้องเกี่ยวกับอันตรายทางกายของผู้ทำงานไม่น้อย ทั้งความสูง ความร้อน สารเคมี เทคโนโลยีที่น่าจับตามองต่อไปจึงเป็นการนำ “หุ่นยนต์” เข้ามาใช้ในงานก่อสร้าง โดยปัจจุบัน มี Startup ที่ชื่อว่า CANVAS Construction Robotics ได้พัฒนาหุ่นยนต์สำหรับทาสีผนังภายในอาคาร ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการที่คนต้องเผชิญกับสารเคมีอันเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวแล้ว หุ่นยนต์ของ CANVAS ยังทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าคนอย่างชัดเจน ทั้งใช้ระยะเวลาน้อยกว่า ใช้สีและสารเคมีน้อยกว่า งานที่ได้เองก็มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยลดข้อผิดพลาดจากการทำงานกับสารเคมีโดยคน ช่วยลดอุบัติเหตุและความเสียหาย อันเป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีก่อสร้าง Robotic จึงเป็นอีกเทคโนโลยีที่หลายคนจะแพร่หลายในแวดวงก่อสร้างอย่างแน่นอน
เป้าหมายของการเทคโนโลยีต่างๆ คือยับยั้งและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับคน
ถือเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่มีส่วนช่วยเหลือในงานก่อสร้างอย่างมาก การที่คอมพิวเตอร์สามารถมองและเข้าใจสิ่งปลูกสร้างได้จะช่วยให้การจัดการขั้นตอนของงานก่อสร้างดำเนินไปอย่างสะดวก ทั้งการฉายภาพเทียบสิ่งปลูกสร้างในไซต์งานกับแบบแปลน ช่วยทั้งการวางแผนจัดการและตรวจสอบความถูกต้องของงานสร้างได้แม่นยำรวดเร็ว ยิ่งเมื่อภาพของสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดได้บันทึกเป็นแบบดิจิทัลก็สามารถส่งเป็นข้อมูลให้กับผู้เกี่ยวข้องทางออนไลน์ได้ ตัวอย่างเช่น Solution ของ HoloBuilder ที่พัฒนา Process Tracking โดยใช้ Computer Vision เข้าช่วย เป็นประโยชน์ทั้งการวางแผนก่อนก่อสร้าง (Pre-Production) การตรวจสอบขั้นตอนระหว่างก่อสร้าง (Production) และการส่งต่องานไปยังผู้รับเหมาส่วนต่อไป (Post-Production)
เทรนด์สุดท้ายที่เราจะได้เห็นในแวดวงก่อสร้างคือการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิดการทำงานโดยอัตโนมัติหรือ Automation ยิ่งเฉพาะในการจัดการโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูง การใช้ Automation จะช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ ดำเนินไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และลดข้อผิดพลาดได้มาก ปัจจุบัน Automation ได้ผสานอยู่ในหลายขั้นตอนของการก่อสร้าง ทั้งการออกแบบ การคำนวณค่าต่างๆ การประเมินทรัพยากร ต้นทุน ไปจนถึงการเฝ้าระวังข้อผิดพลาดและอุบัติเหตุภายในไซต์งาน
ทุกอย่างที่ “คาดการณ์ได้” และ “ทำซ้ำได้” ควรจะแทนที่ด้วย Automation ทั้งหมด เพื่อลดข้อผิดพลาดโดยมนุษย์ซึ่งในวงการก่อสร้างจะสร้างความเสียหายอย่างมากมาย
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด