เคยไหมส่องกระจกตอนเช้าแล้วรู้สึกว่าไรผมถอยขึ้นทุกวัน หรือเวลาอาบน้ำแล้วเห็นผมร่วงเต็มมือ...ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ปัญหาผมร่วงคือสิ่งที่กระทบความมั่นใจโดยตรง และที่น่าตกใจคือทั่วโลกมีคนกว่า 40% ที่เจอกับภาวะนี้
ภาวะศีรษะล้านจากพันธุกรรม (Androgenic Alopecia) เป็นสาเหตุหลักของผมร่วงในทั้งชายและหญิง ซึ่งเกิดจากพันธุกรรม ฮอร์โมน และอายุ โดยเฉพาะในผู้ชายที่ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) เปลี่ยนเป็น DHT แล้วไปทำให้รูขุมขนอ่อนแอ
แม้ตอนนี้จะมียาแค่ 2 ตัวที่ FDA อนุมัติให้ใช้ได้จริง คือ มิโนซิดิลและไฟนาสเทอไรด์ แต่ทั้งคู่ก็มีข้อจำกัด

แต่ล่าสุดมีข่าวดีจากวงการวิทยาศาสตร์ นักวิจัยพบว่า น้ำตาลธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่อาจช่วยกระตุ้นให้ผมงอกกลับมาได้จริง
เรื่องเริ่มจากทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัย Sheffield ในอังกฤษ และมหาวิทยาลัย COMSATS ในปากีสถาน
พวกเขากำลังศึกษาน้ำตาลชื่อว่า ดีออกซีไรโบส (Deoxyribose) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ DNA ที่อยู่ในร่างกายของทุกคน
ตอนแรกนักวิทยาศาสตร์แค่ทดลองเอาน้ำตาลนี้มาทาแผลของหนู เพื่อดูว่าช่วยสมานแผลได้ไหม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ขนรอบแผลกลับงอกขึ้นเร็วกว่าเดิม
จากจุดนี้พวกเขาเลยเริ่มคิดว่าหรือว่าน้ำตาลตัวนี้จะช่วยให้ผมงอกได้ด้วย ?
ทีมเลยไม่รอช้า ทดลองต่อในหนูเพศผู้ที่มีภาวะผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย (Male-pattern baldness) โดยทาเจลดีออกซีไรโบสลงบนผิวหนังที่โกนขนออก ผลคือแค่ไม่กี่สัปดาห์ ขนงอกกลับมา หนา ยาว และแน่น อย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญคือ ให้ผลดีเทียบเท่ากับมิโนซิดิล ยาทาผมร่วงยอดฮิตที่ขายทั่วไปในชื่อ Rogaine
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่าบริเวณที่ทาเจลมี เส้นเลือดฝอยเพิ่มขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงรูขุมขนได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการงอกของผมใหม่
ด้าน ศ.ชีลา แมคนีล จาก University of Sheffield ชี้ว่า “ดูเหมือนว่าคำตอบของการรักษาผมร่วง อาจจะง่ายแค่การใช้น้ำตาลธรรมชาติช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังรูขุมขน”
ถ้าผลวิจัยนี้สามารถใช้ได้ในมนุษย์จริงๆ เจลน้ำตาลดีออกซีไรโบสอาจกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมของวงการเสริมผมและการแพทย์ มันอาจช่วยได้ทั้งคนที่ผมบางจากกรรมพันธุ์, ผู้หญิงที่ผมร่วงจากฮอร์โมน, หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่ผ่านการทำเคมีบำบัดที่ต้องการให้ขนและคิ้วกลับมางอกอีกครั้ง
ถึงตอนนี้งานวิจัยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ผลที่ได้ถือว่าน่าตื่นเต้นมาก และอาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้คนทั่วโลกกลับมามั่นใจในเส้นผมของตัวเอง
อ้างอิง : sciencealert, frontiersin.org
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด