MetaFi คืออะไร รู้จักแนวคิดประยุกต์ใช้ DeFi บนโลก Metaverse | Techsauce

MetaFi คืออะไร รู้จักแนวคิดประยุกต์ใช้ DeFi บนโลก Metaverse

Metaverse โลกเสมือนที่ได้กลายเป็น Buzzword นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ซึ่งหลายธุรกิจหลายอุตสาหกรรมต่างได้ให้นิยามหรือคำจำกัดความ รวมถึงขอบเขตในการใช้งานที่แตกต่างกันในหลากหลายมิติ โดยความน่าสนใจอยู่ที่การนำเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เข้าไปผนวกกับ Metaverse เพื่อให้เกิดการนำไปใช้ในรูปแบบต่าง ๆ โดยหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจจากต่างประเทศได้มีการนำเสนอแนวคิด MetaFi คือ อีกหนึ่งแนวทางในการประยุกต์ใช้ DeFi หรือ Decentralize Finance ในบริบทของ Metaverse โดยในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักในเบื้องต้นกัน

MetaFi คือ

MetaFi คืออะไร?

MetaFi คือ แนวคิดที่เกิดจากการรวมกันของคำว่า Metaverse กับ DeFi กล่าวคือ การทำธุรกรรมแบบ DeFi บนโลกเสมือนอย่าง Metaverse ซึ่งจุดเด่น คือ สามารถใช้ทั้งโทเคนปกติ (fungible token) ร่วมกับ NFT และอนุพันธ์ของคริปโต ผ่านการกำกับดูแลแบบ Decentralized Autonomous Organisation (DAOs) โดยเป้าหมายของ MetaFi คือการสร้างและส่งเสริมระบบนิเวศใหม่จากพารามิเตอร์ของ Metadata

สำหรับ MetaFi เป็นการรวมกันของโลกเสมือนกับวงการ Crypto เดิม จะทำให้เกิดเศรษฐกิจคู่ขนานแบบเต็มรูปแบบ ทำให้เข้าถึงผู้ใช้จำนวนหลายล้านราย และสามารถดึงพวกเขาให้เข้าสู่ Crypto Ecosystem ได้ในที่สุด โดยเป็นการนำฟังก์ชันบล็อกเชนที่หลากหลายมาใช้ร่วมกันใน metaverse ทั้ง DeFi, GameFi, SocialFi, Web3 และ NFTs เช่น การแบ่ง NFT ออกเป็นส่วนๆ แล้วใช้ค้ำประกันในการกู้เงินจาก dApp ต่างๆ

การใช้งานและประโยชน์ของ MetaFi

เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกันของสินทรัพย์บนบล็อคเชน ตัวอย่างเช่น แต่เดิมข้อมูลเมตาของ NFT จะลิงก์ไปยังรูปภาพที่เกี่ยวข้อง แต่ใน MetaFi จะสามารถเพิ่มข้อมูลเมตาลงใน ธุรกรรม bitcoin (BTC) ได้ ซึ่งทำให้ป้อนข้อมูลเพิ่มเติมเป็นข้อความธรรมดาได้

การสร้างมาตรฐานข้อมูลเมตาที่ใช้กับบล็อคเชนใด ๆ จะทำให้สินทรัพย์สามารถอ่านและจัดเรียงได้ง่ายขึ้น เช่น ตลาด NFTสามารถเริ่มทำความเข้าใจและจัดเรียง NFT จากบล็อคเชนจำนวนมาก หากพวกเขาทั้งหมดนำเสนอข้อมูลเมตาในลักษณะเดียวกัน

การจัดการข้อมูลประจำตัวแบบกระจายอำนาจและระบบการจัดการชื่อเสียง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลประจำตัวดิจิทัลและทรัพย์สินของตนได้อย่างง่ายดาย 

บริการการตั้งชื่อที่อยู่โทเคนแทนแบบเดิมอย่าง BEP-20 ที่ยาวและซับซ้อน ซึ่งทำให้ลดความผิดพลาดในการใส่ที่อยู่ได้ และสามารถส่งโทเค็นไปยังชื่อที่อยู่ทั่วไปได้ เช่น TechsauceBSC.bnb

ส่วน Application ที่กำลังจะให้บริการใน MetaFi บนเครือข่าย BNB ได้แก่ โลกเสมือน (Virtual Worlds), เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนสิทนทรัพย์ดิจิทัล (Marketplace), Yield Farming NFTs และ Fan Tokens

MetaFi ทำงานอย่างไร ?

การทำงานของ MetaFi จะมีองค์ประกอบหลัก 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ Foundations , Finance และ Verse ตามที่แสดงในแผนภาพด้านล่างนี้

                                                ภาพจาก outlier ventures 

1.Foundations

ส่วนนี้คือโปรโตคอลหลักทั้งใน เลเยอร์ 0, เลเยอร์ 1 และเลเยอร์ 2 เช่น Polkadot, Ethereum และ Polygon ที่สามารถสร้าง dApp ที่มีความปลอดภัยและใช้งานร่วมกันได้ ทำให้สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลในแนวนอน (รวมถึงการบริดจ์ข้าม Chain) ซึ่งแอพลิเคชันใน MetaFi จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับเลเยอร์หลักนี้ เพื่อให้ธุรกรรมี่เกิดขึ้นเชื่ิอมโยงกับ Ecosystem ได้

2.Finance

เป็นส่วนประกอบที่เชื่อมส่วนแรกกับส่วนที่ 3 เข้าด้วยกัน จึงเรียกว่า "money legos"  โดยคุณสมบัติที่สำคัญของ DeFi ที่จำเป็นกับ Framework นี้คือการทำงานของ dApp ที่เป็นแบบ Unstoppable และสามารถให้บริการทางการเงินที่ซับซ้อนได้ผ่าน Smart Contract

3.Verse

ส่วนสุดท้ายนี้คือชุดของโดเมนหรือ Verse คู่ขนานที่ประกอบขึ้นเป็นยอดรวมของ metaverse ในแนวตั้ง กล่าวคือการเชื่อมต่อ Metaverse กับเลเยอร์พื้นฐานให้เข้ากันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการโอนมูลค่า

ข้อจำกัดในการเกิดของ MetaFi

1. การประเมินมูลค่า NFT: เนื่องจากผลงาน NFT อาจมีมูลค่าหรือคุณค่าไม่เท่ากันในสายตาแต่ละคน แต่เพื่อให้ NFT สามารถนำไปธุรกรรมได้จำเป็นต้องมีการประเมินมูลค่า NFTfi จึงแก้ปัญหานี้โดยการให้ผู้ต้องการกู้แสดงรายการ NFT ของตนเพื่อเป็นหลักประกัน และการประเมินมูลค่าจะขึ้นกับผู้ให้กู้ ไม่ใช่โดยบุคคลที่สามที่ไม่สนใจในศาสตร์ศิลปะ NFT 

2. กฎหมายและการกำกับดูแลประเด็นการแยกส่วน NFT: การแบ่งสินทรัพย์ NFT ออกเป็นหลายส่วนและแจกจ่ายให้กับบุคคลอื่นยังมีข้อจำกัดในเรื่องของสิทธิ โดยเฉพาะ NFT ที่มี Governance Token รวมถึงยังไม่มีความชัดเจนในการจัดการผลตอบแทน 

3. การทำงานข้าม Blockchain : ตอนนี้ Metaverse ถูกสร้างขึ้นนอกเหนือจาก Ethereum เพียงอย่างเดียวบน Blockchain ชั้นหนึ่งหรือเลเยอร์ศูนย์ที่แตกต่างกัน และ Blockchain เหล่านี้ยังคงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ 100% 

นอกจากนี้เพื่อให้การทำงานของ MetaFi เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องปรับให้ NFT ทำงานเหมือนกับ Fungible Token ในโลกของ DeFi ได้ในธุรกรรมทุกรูปแบบ แม้ว่า NFT จะมีสภาพคล่องที่ต่ำกว่ามาก และหากต้องการให้ MetaFi เป็น meta อย่างแท้จริงจำเป็นต้องพัฒนาโครงการที่มีเสถียรภาพและทำงานร่วมกันได้ด้วยฟังก์ชันและบริดจ์แบบหลายสาย ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนสินทรัพย์และข้อมูลจำนวนมหาศาล

ในรายงานฉบับนี้จึงได้มีการเสนอวิธีใหม่ในการเชื่อมโยง NFT กับ DeFi :

1. Fractionalization ของ NFTs  เป็นการแบ่ง NFT เป็น fungible tokens จำนวนมาก และนำแต่ละส่วนไป Stake ได้ เช่น ผู้สร้างมีมสามารถใช้แพลตฟอร์มสำหรับ Content Creator เพื่อสร้างมีม แล้วแยกส่วนให้เป็น Token ที่มีความสามารถในการใช้ร่วมกันได้ (fungibility) ในระดับสูง และแลกเปลี่ยนโดยใช้ DeFi DEX เช่น Unsiwap โดยโครงการเด่นๆ สำหรับ Fractionalization of NFTs ได้แก่ Fractional และ DAOfi

2. NFT-isation ของ DeFi: การยกระดับโปรโตคอล DeFi ให้สามารถยอมรับ NFTs เป็นหลักประกันได้ เช่น ผู้สร้างสามารถสร้างเนื้อหาในโลกเสมือนจริงและใช้เป็นหลักประกันในการยืมบนแพลตฟอร์ม เช่น Centrifuge หรือ Pragmafy

3. NFTs เป็นอนุพันธ์ : การสร้างสภาพคล่องของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มูลค่าจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินทรัพย์แบบ off-chain เช่น Item ในเกม หรือ social capital เป็นต้น จึงควรจะเชื่อมโยงกับ NFT กับ data oracles เพื่อกำหนดสถานะ ตัวอย่างเช่น ศิลปินดิจิทัลสามารถสร้างงานศิลปะ สร้างอนุพันธ์ NFT และใช้เป็นหลักประกันในการสร้างสินทรัพย์สังเคราะห์บน Synthetix เช่น Stablecoins ทองสังเคราะห์ หรือหุ้น

ก้าวต่อไปของ MetaFi

ในปี 2022 นี้ MetaFi ยังอยู่ในระยะตั้งไข่ (nascent state) แต่ด้วยสิ่งที่เห็นในตลาดคาดว่าในระยะสั้นและกลางจะเห็นการพัฒนาดังต่อไปนี้

1. การรวมกันของหมวดหมู่ MetaFi ที่แตกต่างกันและการสร้างหมวดหมู่ใหม่ทั้งหมด เช่น เกมที่ผู้ใช้สร้างขึ้นในโลกเสมือนจริงที่มีเศรษฐกิจเป็นของตัวเอง หรือให้ผลตอบแทนกับสินทรัพย์ที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ เช่น อุปกรณ์สวมใส่หรืออวตาร

2. การปรับปรุง UX / UI ของโครงการ MetaFi ทางการเงินซึ่งอาจรวมองค์ประกอบของ VR เพื่อให้ MetaFi เริ่มต้นได้อย่างแท้จริง คนทั่วไปจะต้องเข้าใจและสัมผัสมันได้แนบเนียนยิ่งขึ้น

3. นวัตกรรมเพิ่มเติมใน DeFi 2.0 ที่ถ่ายโอนไปยัง MetaFi ซึ่งคล้ายกับนวัตกรรมที่เราเคยเห็นใน Olympus DAO, Alchemix เราต้องการโซลูชันที่ดีกว่าสำหรับการแยกส่วนของ NFT โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปัญหาด้านกฎหมายและการกำกับดูแล เช่นเดียวกับ NFTization ของ DeFi

4. การปรับปรุงเทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น เลเยอร์ ซึ่งจะช่วยลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม เพิ่มปริมาณงาน เปิดใช้งานการปรับขนาด และทำให้แอปพลิเคชันที่ทำงานบนโปรโตคอลบล็อคเชนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น

บทความนี้ได้สรุปจากรายงาน MetaFi: DeFi for the Metaverse ของ Outlier Ventures ซึ่งเป็นหนึ่งใน VC รายแรก ๆ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในสตาร์อัพเกิดใหม่ในระบบนิเวศ Crypto  และบทความจาก BNBchain





ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Metaverse บำบัดสุขภาพจิต

Metaverse for Mental Health เทคโนโลยีที่พัฒนาเพื่อสนับสนุนสุขภาพจิตในทุกด้าน ทั้งการป้องกัน การวินิจฉัย การบำบัด การรักษา รวมไปถึงการวิจัย ผ่านการเชื่อมต่อผประสบการณ์ด้วย VR และ AR...

Responsive image

เปิดระบบพลังงานบนโลก Bitkub Metaverse ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่ชาว Rabbitian ไม่ควรพลาด!

Bitkub Metaverse ได้เนรมิตขึ้นภายใต้เรื่องราวในจักรวาล XRB Galaxy และสามารถถ่ายทอด Visual Effect ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยผู้เล่นจะสามารถเข้ามาเดินบนดาวดวงนี้ ด้วยการสวมบทบาทเป็น...

Responsive image

ชวนรู้จักระบบสัมปทานบน Bitkub Metaverse กุญแจสำคัญสู่การขับเคลื่อนจักรวาลใบใหม่ฝีมือคนไทย

Bitkub Metaverse ชวนทำความรู้จักระบบสัมปทานก่อนการเปิดให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์บนจักรวาลใบใหม่ที่จะเปิดในกลางปี 2566 นี้...