รู้หรือไม่ว่าภายในปี 2020 IoT จะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆในโลกกว่า 2 - 3 หมื่นล้านชิ้นเลยทีเดียว ตอนนี้เป็นช่วงที่ IoT กำลังได้รับความสนใจและถูกนำมาใช้ในหลายภาคธุรกิจเลยทีเดียว ในฟากของการลงทุนก็คิดว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ วันนี้เรามี 11 ตัวอย่าง IoT ที่ธุรกิจสายประกันภัยสามารถนำมาใช้ได้
กริ่งหน้าประตูบ้านที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการขโมย
เจ้ากริ่งอัจฉริยะตัวนี้ได้ใช้วิวัฒนาการแบบใหม่ เพื่อลดโอกาสในการถูกขโมยขึ้นบ้าน โดยมีระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว มากไปกว่านี้ยังได้อัดวิดีโอของบุคคลที่กำลังเดินเข้ามาหน้าบ้าน และโหลดเก็บไว้ในคลาวด์แบบทันทีอีกด้วย Jamie Siminoff CEO ของ Ring เจ้าของผลิตภัณฑ์กริ่งอัจฉริยะกล่าวว่า “การใช้กริ่งที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต ทำให้เปอร์เซ็นต์ของการที่บ้านถูกบุกรุกลดลง”
ระบบรายงานสภาพอากาศแบบ Real-time เพื่อให้ผู้คนเตรียมพร้อมกับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ
เมื่อไม่นานมานี้ IBM เพิ่งจะซื้อระบบดิจิตอลที่เก็บข้อมูลของสภาพอากาศ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์อากาศในพื้นที่ต่างๆ ในครั้งนี้ยังรวมไปถึงการซื้อ WSI weather.com Weather Underground และ The Weather Company brand กรณีนี้เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ข้อมูลที่มีอยู่ในฐานจะสามารถช่วยบอกล่วงหน้า เพื่อให้ผู้คนได้เตรียมรับมืออย่างทันท่วงที หรือแม้กระทั่งยังสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วย การทำพยากรณ์ล่วงหน้าจะทำให้บริษัทสามารถประหยัดเงินได้ในระยะยาว
หุ่นยนต์โดรนที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตของงานประกันภัยง่ายขึ้น
Overwatch หนึ่งในหน่วยงานของ Avalon Risk Management เริ่มที่จะมองหาความเป็นไปได้ในการใช้อุปกรณ์การบิน ในการเข้าไปตรวจสอบความเสียหายต่างๆในแต่ละพื้นที่จากบนฟากฟ้า แทนที่จะส่งพนักงานประกันภัยเข้าไปดูหน้างาน เจ้าตัวโดรนสามารถบินเข้าไปเช็คดูสถานที่ได้ทันที ประธานของ Overwatch ได้ให้สัมภาษณ์กับ Insurance Journal ว่า “หุ่นยนต์โดรนสามารถบินเข้าไปในพื้นที่อันตรายต่างๆ และรายงานผลความเสียหายรวมไปถึงปัจจัยสำคัญได้ภายในเวลาอันสั้น” ทำให้เป็นข้อดีและสะดวกเอามากๆ
อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับตัวรถยนต์เพื่อรายงานสถานะต่างๆ
Zubie จับมือกับ Progressive Auto Insurance ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่เอาไว้เสียบกับรถยนต์คันไหนก็ได้ โดยอุปกรณ์ตัวนี้จะทำหน้าที่จดจำนิสัยการขับรถของผู้ใช้ เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นจะคำนวนค่าต่างๆ ออกมา เพื่อแนะนำตัวเลือกของประกันภัยที่ผู้ขับขี่ควรจะเลือกใช้ ไม่เพียงเท่านี้เจ้าตัวอุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถแจ้งเตือนความผิดปกติในรถยนต์ได้อีกด้วย
แอปพลิเคชันที่จดจำนิสัยของคนขับรถยนต์
Censio ได้จับมือกับ Progressive Auto Insurance เหมือนกัน พวกเขาพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือสมาร์ทโฟน ที่คอยเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถยนต์ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Zubie แต่ Censio จะมุ่งเน้นไปที่การเก็บข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว
ตัวแอปพลิเคชันจะใช้เซ็นเซอร์ของสมาร์ทโฟน เพื่อเป็นตัววิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดรถอย่างกระทันหัน หรือในกรณีใดก็ตาม ตัวแอปฯ จะช่วยแนะนำวิธีการขับรถที่เหมาะสม และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายสำหรับทาง Progressive เพราะไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ให้เปลืองเงิน
อุปกรณ์สวมใส่ที่ข้อมือเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
Oscar Health หนึ่งใน startup สายประกันภัยที่ระดมทุนได้กว่า 320 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ประกาศจับมือกับ Misfit ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ ที่สามารถแสดงค่าต่างๆ เปรียบเสมือนอุปกรณ์ที่บ่งบอกว่าเราออกกำลังกายอย่างไร ผู้ที่ติดตาม Oscar อยู่ ก็จะมีโอกาสได้ทำกิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ เพื่อรับของรางวัลอย่างบัตรสมนาคุณมูลค่า 20 เหรียญสหรัฐฯ
ผลลัพธ์ที่ได้คือ บริษัทสามารถประหยัดเงินค่าประกันไปได้มากขึ้น เพราะมีคนจำนวนมากต่างพากันออกกำลัง เพื่อให้ได้รับของรางวัล เมื่อลูกค้ามีสุขภาพที่ดี ก็ทำให้พวกเขาไม่ต้องไปหาหมอบ่อยๆ ทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล นับเป็นไอเดียที่ดึงดูดให้คนออกกำลังกายที่เก๋ใช่ย่อย
เครื่องปรับอากาศที่ถูกเชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฟน
AXA หนึ่งในบริษัทประกันภัยจากยุโรปจับมือกับ British Gas เพื่อมอบนโยบายประกันภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ส่วนหนึ่งของการจับมือร่วมกันนี้คือแอปพลิเคชัน Hive โดยแอปพลิเคชันนี้เป็นระบบที่เชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เข้ากับเครื่องปรับอากาศในบ้าน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับอุณหภูมิในบ้านได้ตามต้องการผ่านทางสมาร์โฟน
เครื่องตรวจจับสัญญาณควันอัตโนมัติ
Nest หนึ่งในแอปพลิเคชันที่ Google เป็นเจ้าของอยู่ ได้พยายามที่จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านเข้าด้วยกัน โดยได้จับมือกับบริษัทประกันภัยอย่าง American Family และ Liberty Mutual การจับมือในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลดค่าใช้จ่ายเรื่องอุปกรณ์ แต่ยังเป็นการแจ้งให้ทางบริษัทประกันทราบด้วยว่า ลูกค้าของพวกเขานั้นมีเครื่องตรวจจับควันในบ้านอีกด้วย
รีโมทตรวจจับปล่องไฟที่อาจถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
นอกจากจะแน่ใจแล้วว่าอุปกรณ์ต่างๆ ของผู้ใช้งานจะถูกอัพเดทอยู่ตลอดเวลา การทำแบบนี้ยังช่วยป้องกันบ้านเรือนจากภัยพิบัติอีกด้วย ที่ PURE Insurance พวกเขาให้ส่วนลดกับลูกค้าที่ติดตั้งระบบปรับอากาศกับพวกเขา เพื่อที่บางทีปัญหาอย่างอากาศเย็นจนทำให้ปล่องไฟไม่ทำงาน จะได้ไม่เกิดขึ้น และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดกับสภาพอากาศที่แปรปรวน
ระบบตรวจตราบ้านจากแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
Vivint ผู้นำด้านติดตั้งอุปกรณ์ดูแลความปลอดภัยในบ้านชื่อดัง จับมือกับบริษัทประกันภัยอย่าง Liberty Mutual เพื่อลูกค้าประกันภัยจะได้ส่วนลด ในการซื้ออุปกรณ์และติดตั้งจาก Vivint รวมไปถึงส่วนลดเรื่องประกันอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ของ Vivint ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบบ้านของตนได้จากโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นบานกระจกที่แตก หรือมีใครเปิดประตู มากไปกว่านั้นยังสามารถควบคุมการเปิดปิดไฟ และอุณหภูมิภายในบ้าน
ระบบแจ้งเตือนเพื่อซ่อมแซมบ้านอัตโนมัติ
การเชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านต้องครอบคลุมทุกปัจจัย ยกตัวอย่าง Panasonic เป็นต้น ซึ่งได้จับมือกับ Allianz หนึ่งในบริษัทประกันภัยชื่อดังของโลก สำหรับผู้ใช้งานอุปกรณ์ Panosonic ในประเทศเยอรมัน ถ้ามีอุปกรณ์ตัวไหนตรวจจับว่ามีจุดที่น้ำรั่ว หรือกระจกแตกและความผิดปกติอื่นๆ ตัวอุปกรณ์จะส่งสัญญาณเตือนไปที่โทรศัพท์สมาร์ทโฟน และแจ้งไปที่ Allianz ให้ส่งทีมซ่อมแซมมาโดยด่วน หรือแม้กระทั่งถ้าในกรณีของการบุกรุก ก็จะแจ้งเตือนให้ทราบเหมือนกัน
ที่มา: CB SIGHTS
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด