ในยุคที่ AI อย่าง ChatGPT เข้าถึงได้ง่าย นักเรียนและนักศึกษาทั่วอเมริกากำลังหันมาใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการทำการบ้านและข้อสอบมากขึ้น ส่งผลให้เกิดวิกฤตความน่าเชื่อถือในระบบการศึกษาอย่างรุนแรง สถาบันหลายแห่งจึงหันกลับมาใช้วิธีการสอบแบบดั้งเดิม คือ “Blue Book” หรือสมุดข้อสอบเขียนด้วยลายมือ เพื่อป้องกันการโกงที่แพร่ระบาด

Blue Book คือสมุดเปล่าที่นักศึกษาจะใช้เขียนเรียงความหรือสอบข้อเขียนในห้องเรียนแบบปากกา-กระดาษ มักพบในระดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะช่วงสอบปลายภาค ในอดีตหลายคนรู้สึกกดดันกับการเขียนวิเคราะห์หัวข้อยาก ๆ ภายใต้เวลาจำกัด
แต่ในยุค AI ปัจจุบันที่ ChatGPT สามารถเขียนเรียงความแทนได้ทันที ทำให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งกลับมาใช้ Blue Book เพื่อรับประกันว่านักเรียนจะต้องคิดและเขียนด้วยตัวเองแบบสด ๆ ในห้องเรียน
จากรายงานของ The Wall Street Journal พบว่ายอดขายสมุด Blue Book เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังการเปิดตัวของ ChatGPT ในช่วงปลายปี 2022 โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ เช่น:
บริษัท Roaring Spring Paper Products ซึ่งเป็นผู้ผลิต Blue Book รายใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุว่า “ยุค AI” กลายเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของพวกเขากลับมาคึกคักอีกครั้ง
แม้ว่า AI อย่าง ChatGPT จะมีประโยชน์ในด้านการเรียนรู้ เช่น การอธิบายแนวคิดยาก ๆ หรือช่วยฝึกเขียน แต่การใช้งานอย่างไม่เหมาะสมกลับส่งผลให้เกิดพฤติกรรมโกงอย่างแพร่หลาย
จากผลสำรวจล่าสุดพบว่า “89% ของนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ยอมรับว่าเคยใช้ ChatGPT ในการทำการบ้าน”
ในขณะเดียวกัน เครื่องมือตรวจจับการโกงด้วย AI ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถตรวจจับได้แม่นยำ ทำให้หลายมหาวิทยาลัยเริ่มรู้สึกว่า “ไม่มีทางเลือก” นอกจากต้องกลับไปใช้ระบบสอบแบบลายมือ
เยาวชนอเมริกันยุคใหม่เริ่มมองว่าการศึกษาเป็นเกมเดิมพันสูง ที่สามารถใช้ AI หรืออัลกอริธึม “โกงระบบ” ให้ผ่านไปได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้จริง
แม้การเขียนข้อสอบด้วย Blue Book จะช่วยลดโอกาสการโกงได้ แต่ก็มีข้อจำกัดสำคัญ ดร. Philip D. Bunn อาจารย์จาก Covenant College รัฐจอร์เจีย ให้ความเห็นไว้ว่า:
“ การเขียนเรียงความในห้องสอบ ไม่สามารถทดแทนกระบวนการคิด วิเคราะห์ และการค้นคว้าอย่างลึกซึ้งจากการทำรายงานนอกเวลาได้ ”
การพึ่งพาแต่การสอบแบบเขียนมือ อาจทำให้เราสูญเสียทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการพัฒนาทางวิชาการในระยะยาว
การกลับมาใช้ Blue Book เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” เท่านั้น หากต้องการแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเพิ่มเติม เช่น:
การรับมือกับ AI ไม่ใช่แค่การ “ห้ามใช้” แต่ควรเป็นการ “รู้เท่าทัน” และ “สร้างวัฒนธรรมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม” ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบในทุกระดับของการศึกษา
อ้างอิง: Gizmodo
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด