เมื่อ AI จับพู่กัน! หุ่นยนต์ศิลปิน ‘Ai-Da’ สร้างประวัติศาสตร์ เผยภาพวาด King Charles ในเวที UN

วงการศิลปะและเทคโนโลยีต้องจับตามองอีกครั้ง เมื่อ ‘Ai-Da’ หุ่นยนต์ศิลปินฮิวแมนนอยด์ที่สมจริงที่สุดในโลก ได้เปิดตัวผลงานชิ้นล่าสุด ‘Algorithm King’ ภาพวาดสีน้ำมันของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งนับเป็นภาพวาดบุคคลสำคัญระดับราชวงศ์ที่สร้างสรรค์โดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชิ้นแรกของโลก โดยจัดแสดงอย่างเป็นทางการในงานประชุมสุดยอด AI for Good Global Summit ณ สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ

Ai-Da คือผลงานการสร้างสรรค์ของ Aidan Meller เจ้าของแกลเลอรีผู้ริเริ่มโปรเจกต์นี้ในปี 2019 โดยเธอไม่ได้เป็นเพียงหุ่นยนต์ธรรมดา แต่เป็นศิลปินเต็มตัวที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลาย ทั้งการวาดภาพ ระบายสี และปั้น ผ่านการทำงานร่วมกันของกล้องความละเอียดสูงเพื่อเก็บข้อมูลภาพ, อัลกอริทึม AI สำหรับการประมวลผล และแขนกลที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดจินตภาพของ AI ลงบนผืนผ้าใบอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Ai-Da ยังสามารถสนทนาโต้ตอบขั้นพื้นฐานได้ด้วยโมเดลภาษาที่ติดตั้งไว้ภายใน

‘Algorithm King’ ไม่ใช่ผลงานธีมราชวงศ์ชิ้นแรกของ Ai-Da ก่อนหน้านี้เธอเคยสร้างเสียงฮือฮามาแล้วกับ ‘Algorithm Queen’ ภาพวาดสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปีแห่งการครองราชย์ โดยผลงานทั้งสองชิ้นมีเป้าหมายเดียวกัน คือการสำรวจและตั้งคำถามถึงบทบาทของ AI ที่มีต่อภูมิทัศน์ทางศิลปะและสังคมในยุคปัจจุบัน

Aidan Meller ผู้สร้าง Ai-Da เผยว่า สาเหตุที่เลือกกษัตริย์ชาร์ลส์เป็นแบบในครั้งนี้ เพราะพระองค์ทรงสนพระทัยในศิลปะและประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน และยังทรงเป็นสัญลักษณ์ของความสมดุลระหว่าง "ประเพณีและนวัตกรรม" ซึ่งสอดคล้องกับแก่นของโปรเจกต์นี้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย Ai-Da ถูกตั้งโปรแกรมให้สื่อสารว่า "ภาพวาดนี้สะท้อนถึงบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของปัญญาประดิษฐ์ในภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม"

ความสามารถของ Ai-Da ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างประเด็นถกเถียง แต่ยังได้รับการยอมรับในเชิงพาณิชย์ โดยหนึ่งในภาพวาดของเธอเคยถูกประมูลผ่านสถาบันชื่อดังอย่าง Sotheby’s ไปด้วยมูลค่าสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม Meller เน้นย้ำเสมอว่า "ผลงานของ Ai-Da ไม่ได้มีไว้เพื่อแทนที่ศิลปินมนุษย์ แต่เพื่อกระตุ้นให้เรากลับมาไตร่ตรองว่าเทคโนโลยีกำลังส่งผลต่อการแสดงออกทางศิลปะและบทบาทของศิลปินอย่างไร"

การปรากฏตัวของ Ai-Da และผลงานของเธอในเวทีระดับโลกของ UN ไม่เพียงแต่ดึงดูดความสนใจจากสื่อและผู้เข้าร่วมงานเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่ตอกย้ำว่า AI ได้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงเครื่องมือ มาสู่การเป็น "ผู้ร่วมสร้างสรรค์" ที่ท้าทายทุกนิยามของคำว่าศิลปะและจิตวิญญาณของศิลปิน

ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะมองว่านี่คือการทดลองทางวิทยาศาสตร์, ของเล่นชิ้นใหม่ของวงการเทคโนโลยี หรือก้าวต่อไปของวิวัฒนาการทางศิลปะ ผลงานของ Ai-Da ก็ได้จุดประกายบทสนทนาที่สำคัญว่า เส้นแบ่งระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และผลลัพธ์จากอัลกอริทึมนั้น อยู่ที่ตรงไหนกันแน่

ที่มา: interestingengineering