วันนี้ AirPay เปิดตัว AirPay Card โปรดักส์ใหม่ ซึ่งสามารถใช้แทนบัตรเครดิตได้ แต่เป็น Virtual Pre-paid Card และคาดการณ์ไว้ว่าโปรดักส์ใหม่นี้จะมียอดผู้ใช้งานปี 2017 ทะลุ 1 ล้านใบ

ไม่แน่ว่าตัวเลขนี้อาจไม่ไกลเกินเอื้อม เรามาทำความเข้าใจโมเดลของ AirPay Card กันหน่อยดีกว่า

บทความนี้เขียนขึ้นจากการสรุปความเข้าใจของผู้เขียนเอง เสริมเพิ่มเติมจากเนื้อหาในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559

[toc]

AirPay Card คือ Virtual Credit Card

Virtual Credit Card เป็นอีกหนึ่งโมเดล FinTech ที่มีมาแล้วในต่างประเทศ คำๆ นี้หมายถึง "บัตรเครดิตเสมือนจริง" คือไม่ต้องออกบัตรเป็นใบๆ แต่สมัครได้ง่ายๆ ทางออนไลน์ และใช้ได้ผ่านแอปพลิเคชัน มีรหัสต่างๆ ครบตามองค์ประกอบของบัตรเครดิต ซึ่งทำให้สามารถใช้จ่ายออนไลน์ได้ ไม่ต่างกับผู้ที่ถือบัตรเครดิตจริงๆ

คอนเซปต์ของ AirPay Card

เป็นบัตรเครดิต ที่เก็บไว้บนแอป AirPay

สามารถใช้จ่ายในทุกๆ การสั่งซื้อออนไลน์ที่รับบัตรเครดิต จึงใช้ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเว็บไทยหรือต่างประเทศ

สามารถใช้ได้เหมือนบัตรเครดิตทุกประการ เพราะ AirPay Card มีองค์ประกอบของบัตรครบ ทั้งรหัส 16 หลัก ชื่อผู้ถือบัตร วันหมดอายุ และรหัส CVC ตามตัวอย่างดังภาพ ปกติแล้วการซื้อของออนไลน์ก็ไม่ได้ใช้เครื่องรูดบัตร แต่ใช้ข้อมูลเหล่านี้ ฉะนั้นบัตรในแอปนี้จึงสามารถใช้ซื้อของออนไลน์ได้จริง

วิธีการใช้คือการยืนยันตัวตนในแอป เพื่อเข้าถึงข้อมูล จากนั้นก็นำข้อมูลไปกรอกในระบบรับชำระบัตรเครดิต จะมีรหัส OTP ส่งมาบนแอป AirPay (ถ้าเป็น Internet Banking ส่วนใหญ่จะส่งทาง SMS) จากนั้นก็นำรหัสดังกล่าว กรอกยืนยันอีกครั้งในระบบรับชำระบัตร

สิ่งที่ต่างจากบัตรเครดิตทั่วไป มีสองเรื่องหลักๆ คือ

• บัตรเครดิตใบนี้เปิดใช้ได้เลยในแอป AirPay และไม่ต้องเก็บในกระเป๋าตังค์ เพราะเป็นบัตรเสมือนจริงเก็บไว้ในแอป AirPay
• บัตรเครดิตนี้เป็นบัตรแบบเติมเงิน (Pre-Paid)

บัตรเครดิตแบบเติมเงิน (Pre-Paid)?

สิ่งที่บัตร AirPay Card ต่างจากบัตรเครดิตจริงๆ นั่นก็คือ ให้เติมเงินในแอปก่อนทำการใช้งาน ซึ่ง AirPay เป็นแอปที่มีจุดแข็งเรื่องการเติมเงินอย่างสะดวกสบายอยู่แล้วทั้งผ่านบัญชีธนาคาร และผ่านเคาท์เตอร์ ส่วนคอนเซปต์บัตรที่เติมเงินก่อนนี้มีจุดเด่นอย่างไร เราจะพูดในหัวข้อถัดไป

ทำงานร่วมกับ MasterCard และธนาคารธนชาติ

แน่นอนว่ามันใช้จ่ายได้เหมือนบัตรเครดิตจริงๆ ทุกประการ ดังนั้น AirPay ไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่ทำงานร่วมกับสถาบันทางการเงินซึ่งมีความสามารถในการออกบัตรเครดิตอยู่แล้ว นัยสำคัญของการทำงานร่วมกันก็คือ

• ระบบความปลอดภัย
• เครือข่ายการรับชำระ

AirPay Card คือกลยุทธ์สู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ (และใหญ่)

AirPay และ AirPay Card คือโซลูชันส์ด้าน Non-cash หรือ Cashless (การชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด) ซึ่งไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ผู้บริโภคทั่วโลกก็กำลังเปลี่ยนไปในทิศทางนี้

พูดถึง Cashless บัตรเครดิตแบบดั้งเดิมเองก็เป็น Cashless solutions อยู่แล้ว แต่ Virtual Credit Card จะเป็นประตูไปสู่ตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ เนื่องด้วย

• การสมัครบัตรเครดิต โดยปกติจะต้องเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้แน่นอน และต้องไปสมัครที่สถาบันการเงิน พร้อมหลักฐานต่างๆ ในขณะที่ AirPay Card สมัครและใช้งานบนแอปได้เลย จึงมีความง่ายในการเข้าถึงมากกว่า
• หากเปรียบเทียบกับบัตรเดบิต บัตรเดบิตก็ต้องเปิดบัญชีธนาคารก่อน ซึ่งความจริงแล้วในไทยยังมีคนจำนวนหนึ่งที่เป็น Non-banked หรือยังไม่มีบัญชีธนาคาร  ส่วน AirPay Card นั้นใช้จ่ายได้ ไม่ต้องผูกกับบัญชีธนาคาร ใช้วิธีเติมเงินเข้าแอปแทน ซึ่งการเติมเงินก็สามารถเติมเงินด้วยเงินสด ที่เคาท์เตอร์ของ AirPay ราว 85,000 สาขาในปัจจุบัน
• ความเป็น Pre-paid อาจจะให้ความรู้สึกสบายใจในการกรอกออนไลน์มากกว่า เพราะลิมิตวงเงินขึ้นอยู่กับเงินที่เราเติมเข้าระบบ

จ่ายบัตรเครดิตได้ทุกระบบชำระออนไลน์ที่รับ MasterCard, ความสะดวกสบาย, Non-banked เข้าถึงได้ และความเป็น Pre-paid ทำให้ AirPay Card เป็นกลยุทธ์เข้าถึงกลุ่ม Users ในวงกว้างมากขึ้น และโอกาสการชำระเงินที่เปิดกว้าง จ่ายได้กับเว็บทั่วโลก ก็น่าจะช่วยให้มียอด Transaction ต่อ User ในปริมาณมากขึ้น

รู้จักกับ AirPay อีกนิด

Fact sheet ของ AirPay 

1. เริ่มต้นจากแอปเติมเงินเกมสำหรับชาวเกมเมอร์

AirPay เป็นโปรดักส์สาย E-Wallet (กระเป๋าสตางค์ออนไลน์) ของ Garena บริษัทยูนิคอร์นของภูมิภาค โดยมีจุดเริ่มต้นที่การีนา ประเทศไทยเป็นที่แรก ที่เริ่มต้นบุกตลาดสาย Payment เมื่อปลายปี 2014 โดยเพื่อเป็นการตอบโจทย์ความเติมเงินเกม โดย Garena เป็นผู้ผลิตเกมรายใหญ่

2. จนเป็นแอปชำระเงินในไลฟ์สไตล์ด้านต่างๆ

ในวันนี้เราไม่ได้นึกถึง AirPay สำหรับการเติมเงินเกมอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่ AirPay

ตัวอย่างพันธมิตรและบริการของ AirPay

• ซื้อบัตรภาพยนตร์ กับโรงภาพยนตร์ SF และ Major
• เติมเงินมือถือ กับ Telcos ต่างๆ เช่น dtac, AIS, True
• เติมเงินใน Wallet ผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ
• ชำระบิลต่างๆ เช่น ค่าน้ำ-ค่าไฟ ภาษีรถยนต์ หรือบิลค่าบัตรเครดิต
• มูลนิธิต่างๆ สำหรับรับบริจาคเงิน

จะเห็นได้ว่าครอบคลุม Area หลายด้าน และมีการขยายสาขาเคาท์เตอร์อย่างรวดเร็ว (จะเห็นได้บ่อยตามโรงหนัง) ปัจจุบัน AirPay มี Users แล้ว 1.4 ล้านคน และมีเคาท์เตอร์ถึง 85,000 สาขาทั่วประเทศ

เรียกได้ว่า AirPay ตั้งใจจะเป็นแพลตฟอร์มชำระเงินเพื่อไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง จากต้นปี 2015 ที่สัดส่วนการใช้งานเป็นเรื่องเกม 80% ไลฟ์สไตล์ 20% จนปัจจุบันกลายมาเป็นการจ่ายเพื่อไลฟ์สไตล์ทั้งหมด 70% แล้ว

3. จากนั้นเข้าสู่บริการชำระเงินที่จ่ายออนไลน์ได้ทั่วโลก

จากข้อ 1 นั้นเราจะเห็นได้ว่า แต่เดิม AirPay เกิดมาเพื่อเป็นโซลูชันส์ชำระเงินสำหรับ "Ecosystem ของตัวเอง" นั่นคือจ่ายเงินในเกมของ Garena ต่อมาคือ Shopee (E-commerce ของ Garena เช่นกัน) ค่อยๆ พัฒนามาเป็นแบบข้อ 2 เรื่อยๆ ไม่เพียงเฉพาะใช้จ่ายภายในโปรดักส์ของตนอย่างเดียว แต่ให้รองรับโปรดักส์และบริการภายนอกด้วย ซึ่งก็คือรวมไปถึงเกมของค่ายอื่นๆ และรวมไปถึงไลฟ์สไตล์ต่างๆ ตามที่ AirPay ได้ไปเป็นพันธมิตรด้วย

แม้วันนี้ AirPay จะมีพันธมิตรมากมายหลายสิบแล้ว แต่การจะเพิ่มปริมาณขึ้น ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นอีกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะเรื่องโอกาสในการเติบโตสู่การชำระเงินนอกประเทศอีก

AirPay Card จึงเป็นก้าวกระโดดของ AirPay  ไม่มีข้อจำกัดเรื่องพรมแดน เพราะตัวกลางอย่าง MasterCard ได้ทลายพรมแดนนี้แล้ว ไม่ใช่แค่ชำระเงินได้หลายสิบแห่ง แต่กลายเป็นหลายล้านแห่งแทน

E-commerce ใดๆ หรือบริการใดๆ ในต่างประเทศที่รับชำระออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต สามารถใช้ได้หมด

สรุป

ก้าวกระโดดที่น่าจะตามมาของ AirPay Card

• เข้าถึง Users กลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น จากการเป็น Virtual Pre-paid Card
• รองรับการชำระเงินมากมาย ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการหาพาร์ทเนอร์เอง
• ปริมาณ Transaction บน AirPay จะเพิ่มสูงขึ้น

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในภาพกว้าง เราคงได้เห็น Transaction การชำระเงินออนไลน์ของคนไทย น่าจะเพิ่มขึ้นจากความสะดวกของ Mobile E-Wallet นี้ ที่มีสาขารองรับการเติมเงินสำหรับกลุ่ม Unbanked

และมองว่าโมเดล Virtual Credit Card น่าจะมีผู้เล่นรายอื่นเข้ามาเล่นบ้างอย่างแน่นอน

ทางผู้บริหารยังได้เปิดเผยอีกว่าในปีหน้า AirPay Card เองก็กำลังมองเรื่องการทำออกมาเป็นบัตรจริงๆ ออกมาด้วย แบบนี้ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าไหมคะ ว่าบริษัทเทคโนโลยีกำลังเริ่มผันตัวเองกลายเป็นบริษัทสายการเงินซะเอง นี่เป็นอีกแนวโน้มนึงที่น่าจับตามอง

แนะนำบทความก่อนหน้า: สัมภาษณ์คุณนก มณีรัตน์ CEO การีน่า (ประเทศไทย)