งานประกาศผลรางวัล Oscar หรือ Academy Award ครั้งที่ 94 ในปีนี้ เป็นอีกครั้งที่ภาพยนต์หลากหลายเรื่องจากผู้ให้บริการ Streaming เข้าชิงรางวัลสาขาต่าง ๆ จำนวนมาก โดยในปีนี้ ภาพยนตร์เรื่อง Coda และ The Tragedy of Macbeth จาก Apple TV+ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบนเวทีออสการ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของแพลตฟอร์ม รวมทั้งหมด 6 รางวัล
Coda เรื่องราวเกี่ยวกับ Child of Deaf Adults หรือเด็ก ๆ ที่มีพ่อแม่เป็นผู้พิการหูหนวก กำกับและเขียนบทโดย ฌอน เฮเดอร์ ซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่อง La Famille Belier ภาพยนต์ฝรั่งเศสที่เป็นที่รักของใครหลายคน ด้วยการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์และตัวเรื่องที่ทราบซึ้งกินใจ ทำให้ Coda ได้รับเสียงชื่นชนอย่างล้นหลามและคว้ารางวัลจากเวทีภาพยนตร์ต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรางวัลทีมนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวที SAG Awards และรางวัล PGA Award 2022 จากเวทีรางวัลสมาพันธ์ผู้อำนวยการสร้างแห่งอเมริกา (Producer Guild Awards) และอีก 4 รางวัลใหญ่จากเทศกาลภาพยนตร์ Sundance Festival
ถือเป็นภาพยนตร์ตัวเต็งในการเข้าชิงที่หลายสำนักจับตามอง โดยการประกาศรางวัลล่าสุดในวันที่ 28 มีนาคม 2022 Coda ได้คว้ารางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) ไปตามคาด ตามด้วยอีกสองรางวัล คือ สาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยม (Best Adapted Screenplay) และสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor) โดยทรอย คอทเซอร์ ซึ่งถือเป็นนักแสดงหูหนวกคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้อีกด้วย
โดยในปีนี้ Netflix พี่ใหญ่ Streaming ที่พาภายนตร์และสารคดีจำนวนมากขึ้นเวทีออสการ์มาแแล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2014 ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงด้วยกันถึง 27 รางวัล ได้แก่ Don’t Look Up ภาพยนตร์จิกกัดสังคมใหม่ล่าสุดของผู้กำกับอดัม แมคเคย์ นำแสดงโดยกองทัพนักแสดงฮอลลีวูดมากฝีมือ เช่น ลีโอนาโด ดิคาปริโอ, เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, ธิโมที ชาลาเมต์ และเป็นผลงานที่มีผู้รับชมมากเป็นอันดับสองของแพลตฟอร์มถึง 359.8 ล้านชั่วโมงทั่วโลก โดยเข้าชิงรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ควบคู่มากับ Power of the Dog ภาพยนต์คาวบอยแนวดราม่า-จิตวิทยา อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่นักวิจารณ์หลายสำนักจัดว่าเป็นขั้นสูงในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นตัวบท การกำกับ และการแสดง นำโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ผู้เข้าถึงบทบาทตัวละครมาแล้วหลากหลายบท Power of the Dog ยังเป็นภาพยนต์ที่เข้าชิงรางวัลทั้งหมด 12 สาขา ซึ่งมากที่สุดในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่อง The Lost Daughter’s ที่พา เจสซี่ บัคลีย์ เข้าชิงในสาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมอีกด้วย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า Netflix จะถูกเสนอเข้าชิงในรางวัลสาขาแกรนด์สแลมมาโดยตลอด ถือเป็นการกรุยทางให้แพลตฟอร์ม Streaming บนเวทีออสการ์ หนึ่งในผลงานที่คว้ารางวัลจากเวที ไม่มีใครไม่รู้จักสารคดีเรื่อง Icarus ที่คว้ารางวัลสารคดียอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ (Best Documentary) ในปี 2018 และต่อมาในปี 2019 ซึ่งถือเป็นปีที่ Netflix เดินหน้าอย่างจริงจังในการพาผลงานไปสู่เวทีออสการ์ โดย Roma กวาดไปถึง 3 รางวัล ต่อเนื่องมายังปี 2020 ที่ Netflix เข้าชิงรางวัลถึง 24 รางวัล ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าสตูดิโอแบบดั้งเดิมที่มีมาก่อน ประกอบไปด้วยภาพยนต์ที่โดดเด่นคับคั่งบนเวทีอย่าง Irishman ผลงานจากรุ่นใหญ่มาร์ติน สกอร์เซซี และ Marriage Story ผลงานจากโนอาห์ บอมบ์บาร์ช และในปี 2021 ที่ผ่านมานี้ ภาพยนตร์จาก Netflix ยังคงได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลมากที่สุดอย่างต่อเนื่อง เช่น The Trial of Chicago 7 และ Ma Raineys Bottom Blues เรื่องราวชีวประวัติของศิลปินผู้บุกเบิกเพลงบลูส์
ถึงแม้ว่า Netflix จะโลดแล่นในรายชื่อเข้าชิงออสการ์อีกครั้ง แต่พลาดชัยชนะจากรางวัลใหญ่ในปีนี้ไป Netflix ก็ยังสามารถคว้ารางวัลจากผลงานยอดเยี่ยมอย่าง Power of the Dog ในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม (Best Director) ส่ง เจน แคมเปียน ให้กลายเป็นผู้กำกับหญิงยอดเยี่ยมคนที่สามบนเวทีออสการ์ เป็นที่ทราบกันว่ารางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมตกเป็นของ Coda ไปตามคาด ทำให้ Apple TV+ รับไม้ต่อในการเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเจ้าแรกที่เป็นผู้เปิดประตูสำหรับ Streaming บนเวทีออสการ์อย่างเป็นทางการ
ที่ผ่านมาผู้ให้บริการ Streaming ต้องเจอกับปัญหาการถูกกีดกันและการไม่ยอมรับจากคณะกรรมออสการ์บางราย เพราะถูกมองว่ากระบวนการผลิต Production for Streaming ถูกผลิตเพื่อฉายทางจอโทรทัศน์ไม่ใช่จอภาพยนตร์ กล่าวได้ว่าในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Netflix ได้สร้างบันไดและปูทางให้กับวงการ Streaming บนเวทีสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และการแข่งขันในตลาด Streaming อย่างดุเดือดนั้นได้ผลักดันให้ผู้ผลิตหลายเจ้าลงทุนและพัฒนาศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นว่าภาพยนตร์ที่สร้างและฉายบนระบบ Streaming มีศักยภาพไม่แพ้ภาพยนตร์ที่ฉายในโรง เห็นได้ชัดว่า การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ไม่ได้เป็นจุดหมายของผู้ชมอีกต่อไป "แพลตฟอร์ม Streaming" ก้าวเข้ามามีส่วนแบ่งและมีบทบาทสำคัญในการเป็น Distribution ซึ่งมีศักยภาพไม่แพ้สตูดิโอยักษ์ใหญ่ในการผลิตที่สามารถตอบโจทย์การรับชมภาพยนตร์และรูปแบบที่จะเป็นโมเดลทางธุรกิจที่สำคัญในอนาคต
ที่มาภาพ Netflix
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด