เขย่าวงการผู้ผลิตน้ำมันและผู้ให้บริการด้านพลังงานในไทย เมื่อ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอสโซ่ จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. โดยซื้อและชำระค่าหุ้นในสัดส่วน 65.99% เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้แบรนด์ 'เอสโซ่' ที่ดำเนินธุรกิจในไทยมานานถึง 129 ปี ต้องปิดฉากลง
คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงบิ๊กดีลนี้ว่า
"นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญสำหรับทั้งอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศและสำหรับบริษัทฯ สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เสริมสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและระดับภูมิภาค โดยบางจากจะเข้าดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาดกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน จะรวมเครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 800 แห่งได้ทันที"
สินทรัพย์ที่ 'บางจาก' ได้จากการเข้าซื้อ 'เอสโซ่'
- โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ จ. ชลบุรี (เนื้อที่ประมาณ 800 ไร่)
- เครือข่ายคลังน้ำมัน 2 แห่ง (ศรีราชาและลำปาง)
- สถานีบริการน้ำมันกว่า 800 แห่ง
- หุ้นบริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) 21%
- หุ้นบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) 7.06%
ประโยชน์ของการทำธุรกรรม/เข้าซื้อกิจการ
- เพิ่มความหลากหลายในการจัดหาน้ำมันดิบ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน การเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น รวมถึงการใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกันได้ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานของเอสโซ่ก็จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก
เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในกลุ่มบริษัทบางจาก โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน ซึ่งเมื่อกำลังการกลั่นรวมโรงกลั่นบางจาก พระโขนง และโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา แล้วได้เกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานสะอาด บางจากยังมองเห็นโอกาสในการจำหน่ายน้ำมันอีกพักใหญ่ เพราะมากกว่าร้อยละ 90 ของรถยนต์ในประเทศไทยยังเป็นรถที่ใช้น้ำมันอยู่ และยังมีความต้องการใช้ไปอีกนาน 35-40 ปี (ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก)
- บางจากสามารถดำเนินธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น จากธุรกิจการตลาดและเครือข่ายสถานีบริการที่รวมกันแล้วมีมากกว่า 2,200 แห่ง โดยสถานีบริการของเอสโซ่ทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนเป็นสถานีบริการบางจากภายใน 2 ปี กอปรกับการพัฒนาสถานีบริการให้สอดคล้องกันจะส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงน้ำมันบางจากได้มากขึ้น และในส่วนของธุรกิจการตลาดนั้น บางจากก็กำหนดแนวทางดึงสมาชิกเอสโซ่สไมลส์มาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์เอาไว้แล้ว ดังนี้
- ลูกค้าเอสโซ่ที่เป็นสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์สามารถสะสมคะแนนและแลกคะแนนเอสโซ่สไมล์ได้อีก 1 ปี ภายใต้บัตรเดิม จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567
- หากสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์โอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 จะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน
- สมาชิกบัตรยังสามารถรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่างๆ ที่บางจากดำเนินการมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ได้อีกด้วย
สร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ ซึ่งเป็นประเด็นที่บางจากให้ความสำคัญ คือ ความมั่นคงทางพลังงาน ความสามารถในการเข้าถึงพลังงาน และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกทั้ง 2 แห่งของกลุ่มบริษัทบางจาก และน้ำมันทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
สรุปตัวเลขกันชัดๆ บางจากจ่ายแล้วเท่าไหร่ ได้อะไรบ้าง?
- 2,283,750,000 คือจำนวนหุ้นสามัญที่เอสโซ่ (ประเทศไทย) ขายให้บางจาก
- 22,605,926,000 ล้านบาท คือมูลค่ารวมของหุ้นที่บางจากซื้อและโอนเงินไปแล้ว
- 65.99% คือสัดส่วนหุ้นที่เอสโซ่ (ประเทศไทย) ออกและจำหน่ายให้บางจาก
- 174,000 บาร์เรล คือกำลังการกลั่นน้ำมันที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมันของเอสโซ่
- 300,000 บาร์เรล คือกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศ จากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่งคือ โรงกลั่นบางจาก พระโขนง และโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา
- 832 แห่ง คือ จำนวนสถานีบริการของเอสโซ่ในประเทศไทย โดยเป็นสถานีบริการที่เอสโซ่บริหารเองราว 230 สาขา ที่เหลือเป็นสาขาที่มีสัญญากับดีลเลอร์
- 600 คน คือจำนวนพนักงานโดยประมาณของเอสโซ่ที่จะโอนย้ายไปอยู่ในกลุ่มบริษัทบางจาก
- 34.01% คือสัดส่วนหุ้นที่บางจากต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือของเอสโซ่ (Mandatory Tender Offer) รวม 1,177,108,000 หุ้น
- 9.8986 บาท คือ ราคาที่จะเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
- 11,651,721,248.80 บาท คือ มูลค่ารวมของหุ้นที่จะเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
- 55,500 ล้านบาท คือ มูลค่ากิจการ (Enterprise Value) โดยรวม
ย้อนดูธุรกิจในกลุ่มบางจากและรายละเอียดอื่นๆ ในดีลนี้
หากดูภาพรวมของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะพบว่าเป็นกลุ่มธุรกิจผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมี 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
- 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน
โดยเป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย และปรับเป็น High Value Specialty Products Refinery เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ low emission
- 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด
บางจากมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันมากกว่า 1,360 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ Non – oil ผ่านธุรกิจต่างๆ เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio และ EV charger
- 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า
ผ่านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของ บมจ. บีซีพีจี องค์กรที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
- 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ
โดยลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่า มีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และมีกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ๆ (New Frontier Businesses) อาทิ ธุรกิจแพลตฟอร์มให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) ผู้ลงทุน Corporate Venture Capital เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
หลังจากการเข้าซื้อหุ้นเอสโซ่แล้ว 65.99% บางจากจะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่ (ประเทศไทย) อีก 34.01% โดยกำหนดระยะเวลาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน ถึง 12 ตุลาคม 2566 ซึ่งฝั่งบางจากมั่นใจว่า การทำธุรกรรมในครั้งนี้จะสามารถสร้าง synergy จากศักยภาพที่เกื้อหนุนกัน มาช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศ ประชาชนคนไทยเข้าถึงแหล่งพลังงานได้ดีขึ้น และยังช่วยให้มีกำไร (EBITDA) ในประเทศเพิ่มขึ้นอีกราวปีละพันล้านบาท
“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับพนักงาน ผู้ประกอบการและลูกค้ารายใหม่จากเอสโซ่สู่ครอบครัวบางจาก ซึ่งการรวมทีมงานคุณภาพของทั้งสองบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ 'Greenovative Experience' ผ่านช่องทางการให้บริการที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เป็นการผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่ Together To Greater เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจาก เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย” คุณชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลเพิ่มเติมในด้านความยั่งยืนและ ESG
บางจากได้รับการประเมินจาก S&P Global CSA ผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี DJSI โดยได้คะแนนการประเมินสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining and Marketing และได้รับการประเมิน MSCI ESG Rating ระดับ AA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดขององค์กรในธุรกิจพลังงานในประเทศไทยที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 จากการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในระดับสากล
ส่วนเรื่องการตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) บางจากระบุว่า จะทำได้ภายในปี 2030 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) จะทำได้ภายในปี 2050 นอกเหนือจากนี้ บางจากยังก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และยังร่วมก่อตั้ง SynBio Consortium ภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคตอีกด้วย