กนง.ปรับลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี จาก ร้อยละ 1.50 เป็น 1.25 ต่อปี สืบเนื่องจากการที่เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพในการขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ การส่งออกที่ลดลงส่งผลต่ออัตราการจ้างงานและปัญหาเงินเฟ้อ โดยกรรมการส่วนใหญ่เล็งเห็นว่านโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเอื้ออัตราเงินเฟ้อให้กลับสู่กรอบเป้าหมาย
ทาง ธปท. ก็ได้ออก 4 มาตรการที่มุ่งลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่าขึ้น สนับสนุนให้เงินทุนไหลออกเพื่อปรับให้มีความสมดุล และอำนวยความสะดวกสำหรับธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 8 พ.ย.
โดยมาตการทั้ง 4 ของ ธปท. มีใจความสำคัญดังนี้
- เปิดให้ผู้ส่งออกที่มีรายได้ต่ำกว่า 200,000 เหรียญ ต่อใบขน สามารถฝากเงินไว้ในต่างประเทศ ไม่จำกัดเวลา สำหรับผู้ส่งออกที่มีรายได้สูงกว่ามูลค่าดังกล่าว สามารถนำไปหักลบรายจ่ายในต่างประเทศได้ พร้อมปรับกฏเกณฑ์บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD)
- เปิดเสรีให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เอง วงเงิน 200,000 เหรียญต่อปี เพิ่มวงเงินรวมสำหรับลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศภายใต้การกำกับของกลต. เพื่ออำนวยความสะดวก รองรับการลงทุนในต่างประเทศ
- เปิดเสรีการโอนเงินออกนอกประเทศยกเว้นเพียงไม่กี่วัตถุประสงค์ ทั้งยังสามารถโอนสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านเหรียญต่อปี ธุรกิจสามารถโอนเงินออกนอกประเทศในจำนวนที่ต่ำกว่า 200,000 เหรียญต่อครั้งได้โดยไม่ต้องยื่นเอกสาร
- อนุญาตให้ลูกค่าคนไทยสามารถซื้อขายทองคำกับกับผู้ค้าที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. เป็นเงินตราต่างประเทศผ่านบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศ
ด้านความเคลื่อนไหวจากฝั่งของธนาคาร ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยประกาศตอบรับนโยบายพร้อมลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อให้สมดุลกับนโยบายของกนง.