BBIK เปิดแนวคิด "Digital-First Company" เทรนด์ธุรกิจโลกอนาคต โอกาสใหม่แห่งการเติบโต | Techsauce

BBIK เปิดแนวคิด "Digital-First Company" เทรนด์ธุรกิจโลกอนาคต โอกาสใหม่แห่งการเติบโต

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เปิดเทรนด์สำคัญในการทำธุรกิจแห่งอนาคตสู่ “Digital-First Company” รับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรมของคน Gen MZ (กลุ่ม Gen Millennials และ Gen Z) ที่กำลังก้าวขึ้นเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อสังคมและการบริโภคของโลกในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนเป็น “Digital-First Company” สามารถสร้างความยืดหยุ่นควบคู่การเติบโตให้องค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี อีกทั้งยังเป็นการปูรากฐานสู่ความสำเร็จในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอย่างต่อเนื่องขององค์กรในทุกอุตสาหกรรม พร้อมยกตัวอย่าง 5 Capability สำคัญที่ช่วยเร่งให้ภาคธุรกิจประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนแนวคิด Digital-First Company ในองค์กร

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ระบุการปรับเปลี่ยนองค์กรเป็น “Digital-First Company” ต้องเริ่มด้วยการคิดใหม่ในทุกแง่มุมของการทำธุรกิจ โดยมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน เชื่อมโยงและตอบโจทย์ความต้องการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder)  ในระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ ที่ประกอบด้วย องค์กร (Company) ลูกค้า (Customer) พันธมิตรทางธุรกิจ (Partner) และสังคม (Community) ซึ่งในแต่ละส่วนของระบบนิเวศนี้ล้วนมีความซับซ้อนและมี Pain Point ที่แตกต่างกัน เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ที่ก่อให้เกิดกระแส New Normal และกำลังก้าวสู่ New World Order หรือระเบียบโลกใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นทุกองค์กรจึงต้องเร่งปรับตัวให้เป็น Digital-First Company เพื่อให้การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นไปได้อย่างราบรื่น ให้สามารถสร้างความยืดหยุ่นแก่ธุรกิจ ยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงและเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

“Digital-First Company เป็นหัวใจสำคัญทำธุรกิจยุคนี้ แต่การจะบรรลุผลสำเร็จในการทำ Digital-First Company ต้องอาศัยความความรู้ความเชี่ยวชาญหลายด้านประกอบกัน จึงทำให้เกิดกระแสนิยมการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานในองค์กร (Insource) และทีมงานภายนอก (Outsource) ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มมุมมองใหม่ในการทำธุรกิจแล้ว ยังเป็นการเสริมในงานส่วนที่องค์กรไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะได้อีกด้วย เห็นได้จากบริษัทเทคฯ ชั้นนำระดับโลกหลายองค์กรมากมายที่มีการใช้บริการบริษัทที่ปรึกษา เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีที่สุด รวมถึงลดข้อผิดพลาดและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน” นายพชร กล่าว

บลูบิค ยกตัวอย่าง 5 Capability สำคัญในการขับเคลื่อนสู่ “Digital-First Company” ที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานสำหรับองค์กรยุคใหม่

1. Super App: ความนิยมของ Super App พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีนี้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้จริง และเป็นช่องทางสร้างการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้หลายองค์กรเร่งเดินหน้าพัฒนา Super App ของตนเองในช่วงที่ผ่านมา แต่การพัฒนา Super App ต้องมี Core Feature และระบบที่ซับซ้อนขั้นสูง อีกทั้งต้องมีองค์ประกอบเกี่ยวกับ Microservice, Data Sharing และ Mini App ที่ดี รวมถึงเม็ดเงินลงทุนที่เพียงพอ ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ระดับ 100 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้ ผู้พัฒนายังต้องมีความเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการรองรับการขยายตัวในอนาคต (Scalability) การขยายหรือเพิ่มขีดความสามารถ (Extensibility) ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ความสามารถในการดูแลรักษาระบบที่ต้องง่าย (Maintainability) มีประสิทธิภาพการทำงาน (Efficiency) และโซลูชันที่ต้องอัปเดตให้ตอบโจทย์การใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้นประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจึงเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Super App เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา อาทิ ระบบล่มที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ถูกโจมตีทางไซเบอร์และการหารายได้จาก Super App เป็นต้น

2. เทคโนโลยีขั้นกว่าของปัญญาประดิษฐ์ หรือ Augmented Intelligence: Augmented Intelligence เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ที่ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยี Artificial Intelligence - AI, Machine Learning - ML, Deep Learning, Big Data Analytics และ Human Intelligence และมนุษย์ด้วยการใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายเติมเต็มซึ่งกันและกัน เพื่อผลลัพธ์การทำงานที่ดีที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือมากกว่าทำงานแทนมนุษย์เหมือน AI ดังนั้นการพัฒนา Augmented Intelligence ให้สำเร็จและเป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจทั้งในฝั่งธุรกิจและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง เพราะการพัฒนาหรือนำ Augmented Intelligence ไปใช้อย่างผิดวิธีอาจส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจได้

3. สร้างความน่าเชื่อถือและเกราะป้องกันภัยทางไซเบอร์ หรือ Digital Immunity and Trust: การสร้างภูมิคุ้มกันภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรต้องเริ่มตั้งแต่ตัวพนักงาน กระบวนการ และเทคโนโลยีโดยการผสมผสานกลยุทธ์และวิศวกรรมซอฟต์แวร์หลายอย่าง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและยกระดับความปลอดภัยให้ผู้ใช้งาน ซึ่งการสร้างมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานเกิดความเชื่อมั่น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์

4. เทคโนโลยีเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน หรือ Sustainability Technology: เป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่ใช้ ตอบโจทย์กระแส ESG ที่กำลังอยู่ในความสนใจขององค์กรทั่วโลก โดยหลักการพื้นฐานแล้วเทคโนโลยีมีส่วนสนับสนุนและเกี่ยวข้องทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ยกตัวอย่างเช่น การย้ายข้อมูลขึ้นระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มช่วยลดการใช้กระดาษจำนวนมหาศาล การเพิ่มช่องทางการสื่อสารและพื้นที่บนโลกออนไลน์ให้กับชุมชน/สังคม และการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจด้วยด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เป็นต้น ฉะนั้นองค์กรใดที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำ ESG จึงควรเริ่มต้นด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี

5. Agile Operations: แนวคิดการทำงานสำหรับองค์กรยุคใหม่ที่ใช้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกธุรกิจ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ความต้องการลูกค้า เทคโนโลยีใหม่ ๆ จนถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทำให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัวกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยให้รักษาขีดความสามารถในการแข็งขันและบรรลุเป้าหมายการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้อย่างราบรื่น

จากเทรนด์ธุรกิจดังกล่าวนี้ บลูบิค ได้มีการเตรียมแผนกลยุทธ์ “Growth at Scale” เพื่อช่วยลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านองค์กรได้อย่างราบรื่น ด้วยการเร่งผสานการทำงานร่วมกันระหว่างบลูบิคและบริษัทในเครือ เสริมแกร่งให้กับบริการหลักที่ครบวงจรมากขึ้นและครอบคลุมทั้งลูกค้าขนาดกลางและใหญ่ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรับงานขนาดใหญ่มูลค่าหลักหลายร้อยล้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่ปัจจุบันได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทในประเทศเวียดนาม ฮ่องกง อังกฤษ และอินเดีย และกำลังศึกษาโอกาสทางธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา 

“การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมากขึ้น เพราะการดำเนินงาน (Execution) ที่ช้าและไม่สอดรับอัตราความเร็วของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล อาจทำให้องค์กรต้องพบกับอัตราต้นทุนค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ (Opportunity Cost) มูลค่ามหาศาล จนถึงต้องออกจากธุรกิจหรือเสียตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมไปก็ได้ เหล่านี้เป็นเพียงหนึ่งในความท้าทายที่ผู้บริหารทั่วโลกกำลังเผชิญ แม้จะมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างข้อได้เปรียบ แต่หากขาดความรู้ความเชี่ยวชาญมากพอในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่สอดรับกับธุรกิจและสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็อาจส่งผลเสียได้ จากปัจจัยดังกล่าวนี้ทำให้ บลูบิค เร่งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมแกร่งด้านบริการที่สามารถรองรับทุกความต้องการของลูกค้าและช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว” นายพชร กล่าวปิดท้าย


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ นั่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไปรษณีย์ไทย ต่ออีก 4 ปี

คณะกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีมติต่อสัญญาจ้าง “ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์” ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ต่ออีก 4 ปี...

Responsive image

BOI หนุน Jurassic World The Experience เปิดแลนด์มาร์กใหม่ในกรุงเทพฯ ดันท่องเที่ยวไทยสู่ระดับโลก

BOI อนุมัติ Jurassic World The Experience ในกรุงเทพฯ ทุ่มงบ 1,200 ล้าน ปั้นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวระดับโลก กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก...

Responsive image

Elon Musk ขึ้นแท่นพนักงานพิเศษของรัฐบาลทรัมป์ มีอำนาจปรับลดจำนวนข้าราชการได้เลย

Elon Musk ขึ้นแท่นพนักงานพิเศษของรัฐบาลทรัมป์ มีอำนาจปรับลดข้าราชการ ควบคุมงบประมาณ และเข้าถึงระบบการเงินของกระทรวงการคลังกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ โดยยังคงดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Tesla ...