หนึ่งในผู้สนับสนุนการพัฒนา AI อย่าง Bill Gates ผู้ออกมาวิจารณ์และให้ทัศนะเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้เป็นประจำ ล่าสุดได้เขียนบทความในเว็บไซต์ส่วนตัว GatesNotes ให้คำแนะนำครูอาจารย์ รัฐบาลและภาคธุรกิจ มองว่า AI ไม่ได้ร้ายกาจ แต่ก็ไม่ได้สดใสอย่างที่หลายคนคิดเช่นเดียวกัน ซึ่งมนุษย์จะจัดการได้ในที่สุด
"The future of AI is not as grim as some people think or as rosy as others think” (Bill Gates)
Gates เปรียบเทียบ AI กับการพัฒนาของรถยนต์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตหรือเครื่องคิดเลข การพัฒนาสิ่งของทั้งหมดนี้อาจสร้างความสับสนในตอนแรก แต่สุดท้ายมันจะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น และความเสี่ยงจาก AI นั้นมีอยู่จริง แต่ Gates เชื่อว่าสุดท้ายเราจะควบคุมมันได้
Gates ยังพูดถึงยุคที่มนุษย์เพิ่งจะรู้จักกับเครื่องคิดเลขและคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นครูอาจารย์ต่างกังวลว่าเครื่องมือพวกนี้จะขัดขวางการเรียนรู้ของเด็ก เหมือนกับตอนนี้กังวลว่าเด็กจะใช้ AI เขียนเรียงความให้
จึงแนะนำให้ครูควรออกแบบบทเรียน สอนวิธีที่นักเรียนจะใช้ ChatGPTช่วยเหลือเขียนเรียงความ การเขียนอย่างถูกต้อง “เหมือนกันกับที่เราเคยสอนนักเรียนใช้ Google อย่างเหมาะสม”
ไม่นานหลังจากที่รถยนต์คันแรกออกสู่ท้องถนน ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่เราไม่ได้ห้ามใช้รถยนต์ เราใช้การจำกัดความเร็ว มาตรฐานความปลอดภัย ข้อกำหนดด้านใบอนุญาต กฎหมายเมาแล้วขับ และกฎอื่นๆ บนท้องถนน
Gates ยอมรับว่า AI ก็นำความเสี่ยงมาให้มนุษย์เช่นกัน ยกตัวอย่างรูปแบบของการสร้างข้อความและรูปภาพหลอกลวง ที่ปัจจุบันทำได้ง่ายมากๆ (แต่เมื่อก่อนเราก็มีการปล่อยข่าวลวงด้วยการใช้หนังสือหรือใบปลิวเช่นกัน) การหลอกลวงทั่วไปนี้อาจขยายผลกระทบไปถึงการเลือกตั้ง การใส่ร้ายนักการเมือง ที่มันเนียนมากจนอาจทำให้เราสับสนว่าอะไรจริงหรือเท็จกันแน่ ?
แต่สุดท้ายมนุษย์จะเรียนรู้ได้ เหมือนกับที่เราหลายคนเคยโดนแก๊งคอลเซนเตอร์หลอก แต่สุดท้ายเราระมัดระวังขึ้นและตรวจสอบหมายเลขปลายทางอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจเชื่อ (Gates ยกตัวอย่างอีเมลที่พวกสแกมเมอร์ส่งไปหลอกเงินคน)
ปัจจุบันยังมีการวิจัยทดลองทำเครื่องมือตรวจจับข้อความหรือรูปภาพที่ AI สร้าง ซึ่ง Gates มองว่านี่แหละคือวัฎจักร เมื่อมีการหลอกลวง เราก็สร้างเครื่องมือมาจับมัน
วิจัยจาก Goldman Sachs ชี้ว่า Generative AI และโปรแกรมสร้างข้อความ อย่าง ChatGPT อาจส่งผลกระทบต่องานมากถึง 300 ล้านตำแหน่ง แม้ว่านั่นไม่ได้แปลว่าคน 300 ล้านคนจะตกงาน แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าภาระงานบางอย่างของพวกเขาอาจถูกทำให้เป็นอัตโนมัติด้วย AI
โดยอาชีพประเภท White-collar หรือพวกที่นั่งโต๊ะทำงานในออฟฟิศ เช่น งานด้านกฎหมาย การบริหาร และการเงิน จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ในขณะที่อาชีพประเภท Blue-collar เช่น ก่อสร้าง การผลิต และการค้า มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าพนักงานจำนวนมากแม้กระทั่งผู้บริหารบางคนกลัวว่า AI จะเข้ามาแย่งงาน Gates แนะนำว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและภาคธุรกิจ ที่จะต้องจัดการให้ดี ไม่ให้คนงานถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พนักงานหลายคนต้องการการสนับสนุน การฝึกอบรม ในขณะที่เรากำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคการทำงานด้วย AI
Gates มองว่าผลกระทบของ AI คงเทียบเท่ากับผลกระทบตอนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมไม่ได้ แต่จะยิ่งใหญ่เท่ากับตอนเปิดตัว PC อย่างแน่นอน และมันไม่ได้ทำให้ตำแหน่งงานไหนหายไป แต่ก็ชัดเจนว่าทุกคนต้องปรับตัว ทั้งนายจ้างลูกจ้าง ซึ่งพวกเราก็ผ่านการปรับตัวนั้นมาก่อน
Gates แนะนำรัฐบาลว่าจำเป็นต้องสั่งสมความเชี่ยวชาญด้าน AI เพื่อให้สามารถร่างกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ตอบสนองต่อเทคโนโลยีนี้ ทั้งในเรื่องของเฟคนิวส์ หรือ Deepfakes ที่เป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัย และการเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน รวมถึงผลกระทบต่อการศึกษา
“สุดท้ายนี้ ผมขอแนะนำให้ทุกคนติดตามพัฒนาการของ AI ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ มันเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดที่เราทุกคนจะได้เห็นในช่วงชีวิตของเรา…และเหตุผลที่ดีที่สุดที่เชื่อว่าเราสามารถจัดการกับความเสี่ยงได้ ก็คือเราเคยทำมาก่อนแล้ว”
อ้างอิง : Insider , Gatesnotes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด