เมื่อคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้ทะลุจุดสูงสุดเดิมของปี 2017 ที่ระดับ $19,666 และทำ All-Time High ใหม่ที่ $19,857 (ที่ระดับ 589,700 บาท บนกระดาน Bitkub)
การปรับขึ้นของราคา Bitcoin เมื่อคืน ทำให้ในภาพรวม ราคา Bitcoin ปรับขึ้น 30% เฉพาะในเดือนพฤศจิกายนเพียงแค่เดือนเดียว และมากถึง 177% เมื่อนับตั้งแต่ขึ้นปี 2020
เหตุการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของวงการคริปโตเคอร์เรนซี โดยเหตุผลหลักที่ราคา Bitcoin สามารถปรับขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้มาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve เช่นการปรับลดดอกเบี้ย หรือพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจจากวิกฤติ COVID-19 แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่อาจทำให้สกุลเงินดอลลาร์สูญเสียมูลค่าไปได้ และไม่ใช่แค่สหรัฐฯเท่านั้น หลายๆภาคเศรษฐกิจทั่วโลกก็มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการที่บรรดาสถาบันทางการเงินรายใหญ่ๆเริ่มหันมาให้ความสนใจใน Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีต่างๆเพื่อถือเป็นทรัพย์สินสำรอง เช่นสถาบัน Greyscale ที่เข้าถือ Bitcoin มากกว่า 500,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 8.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการคริปโตมากที่สุด ก็คือข่าวที่ Paypal ประกาศเตรียมเปิดให้บริการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซีภายในปี 2021 นี้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ Paypal เกือบ 300 ล้านรายสามารถเข้าถึงคริปโตได้นั่นเอง
Sergey Nazarov ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainlink มีมุมมองว่า “ราคา Bitcoin มีโอกาสที่จะสามารถขึ้นไปสูงกว่าระดับ 100,000 ดอลลาร์ได้ เนื่องจากตลาดเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า ทองคำดิจิทัล ที่เป็นอีกฉายาหนึ่งของ Bitcoin แล้ว ทำให้เกิดกระแสเงินทุนส่วนหนึ่งไหลออกจากตลาดทองคำเข้าสู่ตลาด Bitcoin แทน
และนอกจากนี้ มีปัจจัยอยู่ 2 ปัจจัยที่สนับสนุนราคา Bitcoin ซึ่งได้แก่ 1) สัญญาณของภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และความเชื่อมั่นในนโยบายการเงินปัจจุบันที่เริ่มอ่อนแอลง จึงทำให้นักลงทุนพยายามมองหาทางเลือกการลงทุนที่จะสามารถรักษามูลค่าของสินทรัพย์เอาไว้ 2)ความต้องการลงทุนใน Decentralized Finance หรือ DeFi ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการทำ Yield Farming ที่สูงขึ้นตามการเติบโตของตลาด DeFi”
Sergey Nazarov, Co-founder of Chainlink, Market Insider, 30 Nov 2020
John Todaro ผู้บริหารสถาบัน TradeBlock มองว่า “ทิศทางขาขึ้นของ Bitcoin ครั้งนี้ แตกต่างกับขาขึ้นในปี 2017 และเชื่อว่าขาขึ้นครั้งนี้น่าจะคงอยู่ได้นานกว่า อันเนื่องมาจากการขึ้นของราคาครั้งนี้มีปัจจัยหลักมาจากการเข้าซื้อ Bitcoin เพื่อถือครองเป็นสินทรัพย์สำรองของบรรดาสถาบันการเงิน โดยเฉพาะสถาบันในแถบอเมริกาเหนือ”
John Todaro, CEO of TradeBlock, Coinbase, 30 Nov 2020
Cameron Winklevoss หนึ่งในฝาแฝดผู้ร่วมก่อตั้งกระดานเทรดคริปโต Gemini มองว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะสามารถชิงบัลลังก์สินทรัพย์สำรองอันดับ 1 มาจากทองคำได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นราคา Bitcoin ก็จะยิ่งปรับสูงขึ้นไปอีก
Cameron Winklevoss, Co-founder of Gemini, Market Insider, 30 Nov 2020
Christopher Bendiksen, หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก CoinShares เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าการขึ้นของ Bitcoin รอบนี้เป็นการเข้าซื้อจากทั้งฝั่งสถาบันและนักลงทุนทั่วไป พร้อมเสริมว่าสาเหตุที่ราคา Bitcoin ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นเพราะการที่ตลาดสหรัฐฯเพิ่งกลับมาเปิดทำการหลังจากผ่านช่วงวันหยุดยาวในเทศกาล Thanksgiving เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
Christopher Bendiksen, Head of Research at CoinShares, Reuters, 30 Nov 2020
**ความเห็นนักวิเคราะห์ด้านบนมีขึ้นเพื่อนำเสนอมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในตลาดเท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด**
อ้างอิง Coindesk, Decrypt, Bloomberg, Cointelegraph, Reuters
บทความโดย Bitkub
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด