เวที CES2023 ในปีนี้ค่ายรถหรูอย่าง BMW ก็มีลูกเล่นที่ทำเอาผู้เข้าร่วมฮือฮาและตื่นเต้นไม่น้อย ด้วยการเปิดตัวฺ "BMW i Vision Dee" รถต้นแบบที่สามารถเปลี่ยนสีตัวถังภายนอกได้ ถึง 32 สี ด้วย Dee’s E-Ink technology และสามารถตอบโต้กับผู้ใช้ได้ ภายใต้วิสัยทัศน์ รถยนต์แห่งอนาคต “เพื่อนร่วมทางอัจฉริยะที่มอบอรรถรสด้านการขับขี่ตลอดการเดินทาง ”
ก่อนหน้านี้ BMW นำเสนอรถยนต์ในธีมเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว แต่ความสามารถในการเปลี่ยนสีรถนั้นทำได้เพียงจากสีขาวเป็นสีดำและสีเทาเท่านั้น ซึ่งในปีนี้ BMW สร้างความชีวิตชีวาจัดเต็มอวดความสามารถในการเปลี่ยนทั้งสีและลวดลายตระการตา
ปัจจุบันผู้คนเริ่มมองเห็นรถของพวกเขาเป็นเพื่อนคู่ใจ บางคนใช้เวลาอยู่บนรถมากกว่าที่อยู่อาศัยของตนเอง ผู้ผลิตรถยนต์ต่างพยายามหาวิธีใหม่ๆ ในการใช้ซอฟต์แวร์นั้นเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ในปีนี้ที่หลายเจ้าพัฒนาต่างพากันมอบประสบการณ์ความบันเทิงภายในห้องโดยสาร BMW ก็เหมือนกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ที่พยายามเพิ่มเทคโนโลยีที่น่าประทับใจ มอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับผู้ขับขี่ และกำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยการมองมากกว่าประสบการณ์ แต่เชื่อมโยงไปถึงอารมณ์ ระหว่างคนกับรถ แน่นอนว่า รวมถึงรถที่มีอารมณ์ของตัวเองด้วย Oliver Zipse ซีอีโอของ BMW กล่าว
BMW i Vision Dee คือ จุดบรรจบของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียว “Dee” ย่อมาจาก Digital emotional experience หรือ ประสบการณ์ และอารมณ์ความรู้สึก ผ่านนวัตกรรมที่จะเชื่อมโยงตอบสนองระหว่างรถกับผู้ใช้
"The next level of human-machine interaction" หรือ ระดับต่อไปของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร เป็นแนวคิดที่สร้างแรงบันดาลใจกับ BMW ซึ่งตลอดการนำเสนอบนเวที BMW นำเสนอให้เห็นถึงความเป็นมากกว่าพาหนะขับขี่โดยการมีปฏิสัมพันธ์กับรถ เสียงของ Dee ที่ดังมาจากรถยนต์ ทำหน้าที่ตอบโต้ สร้างความเป็นมนุษย์ให้กับรถ
ไฮไลต์สำคัญ BMW Mixed Reality Slider ระบบควบคุมการทำงานส่วนกลางที่จะค่อยๆ เปลี่ยน กระจกหน้าเป็นพอร์ทัลสำหรับสัมผัสประสบการณ์ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
Dee’s head-up display จอแสดงผลที่กว้างครอบคลุมหน้าคอนโซลรถและด้านในของกระจกหน้ารถ แสดงผลการตอบโต้การใช้งานที่จะผสานรวมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และการตรวจจับวัตถุ 3 มิติแบบเรียลไทม์ (ข้อมูลการขับขี่และข้อมูลการนำทาง เตือนการชนและสิ่งกีดขวางนอกรถ แจ้งเตือนข้อมูลการโทรและข้อความ และเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย)
มากไปกว่านั้น คือ ประสบการณ์โลกเสมือนจริง เมื่อเลือกระบบขับขี่อัตโนมัติ กระจกทั้งคันจะแสดงผลแบบ Mixed- Reality ระดับผสานกับโลกจริงจำลองภาพหรือสถานที่ต่างๆ และระดับที่แสดงภาพสถานที่อื่นๆ ในโลกเสมือนจริงเลยทีเดียว ทาง BMW ระบุว่า เทคโนโลยีบางส่วนจะถูกนำไปผลิตในโปรเจค Neue Klasse ที่จะเปิดตัวในปี 2025 และอาจถูกนำไปใช้ในรถรุ่นอื่นๆของทางค่าย ตลอดจนโปรเจคล้ำๆในอนาคต
รวบรวมข้อมูลจาก
Ultimate companion – through real and virtual worlds: BMW presents BMW i Vision Dee in Las Vegas.
BMW unveils Dee prototype, “the next level of human-machine interaction”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด