BMW ครองเจ้าตลาดรถหรู 4 ปีซ้อน ตั้งเป้า EV 5 แสนคัน พร้อมเปิดตัวอีก 10 รุ่น | Techsauce

BMW ครองเจ้าตลาดรถหรู 4 ปีซ้อน ตั้งเป้า EV 5 แสนคัน พร้อมเปิดตัวอีก 10 รุ่น

BMW Group Thailand ครองแชมป์ตลาดรถหรูสี่ปีซ้อน กลุ่ม EV มาแรงทั่วโลก เติบโตกว่า 348% ด้าน Luxury Car โต 46% ปี 2024 นี้เตรียมเปิดตัวทัพยนตรกรรมอีก 10 รุ่น พร้อมตั้งเป้าขาย EV ให้ได้ 5 แสนคัน

BMW Group Thailand ครองแชมป์ตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่สี่ ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากแนวทางของบีเอ็มดับเบิลยูในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมที่ยั่งยืน และการส่งมอบประสบการณ์ความพึงพอใจระดับสูงสุดให้แก่ลูกค้า 

ด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมชั้นนำจากแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ที่สามารถทำผลงานยอดจดทะเบียนได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่า 348% และรถยนต์ในกลุ่ม Luxury Class ที่เติบโตขึ้นกว่า 46% 

ทั้งนี้ ในปี 2567 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะต่อยอดความสำเร็จอย่างแข็งแกร่งด้วยการเปิดตัวทัพยนตรกรรมใหม่ถึง 10 รุ่น นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport, บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro, บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro, มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู Classic Edition, มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน รุ่น Multitone, มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition รวมถึงมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS, บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B ตามเป้าหมายในการส่งมอบตัวเลือกที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า

อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นแนวหน้า การส่งมอบบริการระดับคุณภาพ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางของเรา ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2566 ได้ส่งผลลัพธ์กลับมาเป็นความไว้วางใจของลูกค้า เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงเป็นผู้นำในเซกเมนต์ยานยนต์พรีเมียมของประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่สี่ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ถึง 6 รุ่นที่เราได้นำมาเปิดตัวสู่ลูกค้าชาวไทย

และในวันนี้ เรายังคงให้ความสำคัญกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าเช่นเดิม โดยได้นำยนตรกรรมใหม่มาเปิดตัวถึง 10 รุ่น จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไปจนถึงบริการและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงมุ่งสู่ความเป็นเลิศไปพร้อม ๆ กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและพาร์ทเนอร์ของเราทุกคน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยของเรา”

iX2 xDrive30 M Sport รถยนต์สปอร์ตแบบคูเป้ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก 

บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบคูเป้ หรือ Sports Activity Coupé (SAC) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก และนับเป็นเจเนอเรชันที่สองของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X2 ที่พร้อมขับเคลื่อนตลาดรถยนต์กลุ่มพรีเมียมคอมแพกต์ให้มุ่งสู่อนาคตการขับขี่ที่ยั่งยืน

  • รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุด 130 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0-80% ได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 29 นาที 
  • รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด 22 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในเวลา3 ชั่วโมง 45 นาที 
  • ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ซึ่งสามารถอัปเกรดให้เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ รุ่น Plus (Driving Assistant Plus) ผ่านทาง ConnectedDrive Store
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยทั้งในแง่ของการขับขี่ในชีวิต ประจำวันและการเดินทางระยะไกลอีกด้วย

ไทยเติบโตต่อเนื่อง ตลาดโลกขานรับเทรนด์ EV

ไทย

  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดยานยนต์พรีเมียม 4 ปีติดต่อกัน จากการทำตลาดและกลยุทธ์การให้บริการลูกค้าร่วมกับผู้จำหน่ายในไทยตลอดปี 2566 
  • บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ สร้างสถิติใหม่ในปีที่ผ่านมาด้วยยอดจดทะเบียนรวม 15,477 คัน เติบโตขึ้น 3% (แบ่งเป็นบีเอ็มดับเบิลยู 14,128 คัน และมินิ 1,349 คัน) 

ตลาดโลก

  • ปี 2566 ยอดขายบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นยอดส่งมอบรวม 2,555,341 คันทั่วโลก เติบโตขึ้น 6.5% 
  • กลุ่ม EV พลังงานไฟฟ้า 100% มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 74.4% จากปี 2565 คิดเป็นยอดส่งมอบทั่วโลกรวม 376,183 คัน 
  • ยอดขายสะท้อนความต้องการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งตอบรับกับ เทรนด์พลังงานสะอาดที่ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย 

ทั้งนี้ ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มองว่าเทรนด์ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป และคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายได้กว่า 500,000 คัน ในปี พ.ศ. 2567 นี้ 

ยืนหนึ่งในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พรีเมียมแห่งอนาคต

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทำผลงานอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX3, บีเอ็มดับเบิลยู iX, บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู i5, บีเอ็มดับเบิลยู i7 และมินิ คูเปอร์ เอสอี ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจากทั้งสองแบรนด์มีอัตราการเติบโตสูงถึง 200% ในปี พ.ศ. 2566 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น  1,604 คัน  สะท้อนถึงความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้บริโภค ทั้งในตลาดระดับโลกและในประเทศไทย 

หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จดังกล่าวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มาจากการนำเสนอยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียนตรกรรมไฟฟ้าให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้ครบ 

รุ่นที่โดดเด่นของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่

  • บีเอ็มดับเบิลยู i5 รถยนต์ซีดานที่มาต่อยอดความสำเร็จของตระกูลซีรีส์ 5 ด้วยเทคโนโลยีระดับไฮคลาส ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น และรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวหรูหรา
  • บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ความสะดวกสบายอันหรูหรา และขุมพลังที่เหนือกว่า 
  • บีเอ็มดับเบิลยู CE04 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมขุมพลังในการขับขี่ในตัวเมือง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รวมถึงรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวอย่างบีเอ็มดับเบิลยู iX2 และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู CE 02

กลุ่ม Luxury Class ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู i7, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 8, บีเอ็มดับเบิลยู X7 และบีเอ็มดับเบิลยู XM ยังคงสร้างผลงานการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย ด้วยยอดจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2566 ทั้งหมด 668 คัน เติบโตขึ้น 46% จาก ปีก่อนหน้า 

ความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับการประเมินคะแนน ความพึงพอใจของผู้บริโภค (Net Promoter Score – NPS) สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านยอดขายและ การให้บริการหลังการขายในปี พ.ศ. 2566 ด้วยคะแนนจากผลการประเมินที่ 94 คะแนน และ 90 คะแนนตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศ เพื่อพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้าให้สูงที่สุด 


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

4 THAI (For Thailand) Techsauce เผยกลยุทธ์เชื่อมรัฐ เอกชน ดันประเทศไทยเป็น Tech Gateway

Techsauce เผยกลยุทธ์ 4 THAI ผสานรัฐ-เอกชน เร่งไทยเป็น Tech Gateway ของภูมิภาค พร้อมยก Techsauce Global Summit เป็นศูนย์กลางงานเทคโนโลยีระดับโลกจากไทย...

Responsive image

Krungsri Finnovate เปิด 4 ดีลความภาคภูมิใจระดับเอเชีย

Krungsri Finnovate เปิด 4 ดีล แห่งความภาคภูมิใจที่ลงทุนผ่านกองทุน Finnoventure Private Equity Trust I จุดสตารท์วงการ Startup ให้คึกคัก...

Responsive image

สรุป Microsoft Build เยือน ‘ไทย-อินโด-มาเลย์’ ลงทุนประเทศไหน ‘มากที่สุด’

Satya Nadella CEO ของ Microsoft ก็เดินทางมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Microsoft Build: AI Day เรามาดูกันว่าในบรรดา 3 ประเทศที่ Microsoft เลือกลงทุนนี้ ใครจะได้อะไรไปบ้าง...