Bolt แคร์ความปลอดภัยทั้งคนนั่งและคนขับ นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ 'ผู้ติดต่อฉุกเฉิน' และ 'รหัสรับผู้โดยสาร'

เนื่องจากบริบทและกฎหมายที่ใช้กำกับดูแลความเรียบร้อยในแต่ละประเทศแตกต่างกันไป โบลท์ (Bolt) แพลตฟอร์มเรียกรถชั้นนำจากเอสโตเนีย ซึ่งขยายตลาดไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก จึงต้องปรับฟีเจอร์ให้เหมาะสมกับการให้บริการในแต่ละพื้นที่ และสำหรับประเทศไทย ชาติแรกในอาเซียนที่ Bolt เข้ามาทำตลาด ล่าสุดประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) และ รหัสรับผู้โดยสาร (Four-Digit Pick-Up Codes) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารและพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ในประเทศไทย

คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย 

คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Bolt ว่า เป็นแพลตฟอร์มบริการเรียกรถ (Ride-hailing) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 

  • มีผู้ใช้บริการ Bolt ทั่วโลกกว่า 200 ล้านคน และมีพาร์ตเนอร์ร่วมงานกับ Bolt มากกว่า 4,000 คน
  • Bolt ให้บริการแล้วมากกว่า 600 เมือง ใน 50 ประเทศทั่วโลก
  • Bolt ต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่ จึงออกฟีเจอร์ที่ช่วยสร้างความมั่นใจและปลอดภัยให้ผู้อยู่ในระบบทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยที่บริษัทออกฟีเจอร์ทั้งในทางป้องกัน (Preventive) และให้ความช่วยเหลือ (Supportive)
  • Bolt เก็บค่าบริการที่ 18% และสร้างความได้เปรียบด้าน 'ราคาที่ถูกกว่า' ผู้เล่นเจ้าอื่นๆ ในตลาด ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตทั้งจำนวนผู้ใช้งาน ผู้ขับขี่ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  
  • Bolt ลงทุนไปกว่า 100 ล้านยูโรในปี 2024 ส่วนหนึ่งใช้ในการพัฒนาฟีเจอร์ ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) และ รหัสรับผู้โดยสาร (Four-Digit Pick-Up Codes) เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ครอบคลุมทั่วทั้งแพลตฟอร์มในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ 
  • สำหรับประเทศไทย Bolt ให้บริการตั้งแต่ปี 2020 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ปัจจุบันให้บริการแล้วใน 35 เมือง กระจายไปทุกภาคทั่วไทย โดยมีคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเป็นผู้ใช้บริการมากที่สุด ด้วยอัตราการเติบโต 13 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และในปี 2025 นี้ Bolt มีแผนขยายบริการไปยังเมืองต่างๆ ของจังหวัดในภาคกลางมากขึ้น

ฟีเจอร์ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น

ในกรณีที่ระบบตรวจพบความผิดปกติระหว่างการเดินทาง หรือ เมื่อมีคำขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่ผ่านแอป Bolt แล้วทีมความปลอดภัยของ Bolt ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบัญชีได้โดยตรง ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ติดต่อที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจเป็นเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่ผู้ใช้งานเพิ่มเข้าไปในระบบสูงสุด 3 ชื่อ 

การเพิ่มชั้นความปลอดภัยนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งานได้ว่า จะสามารถขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ไว้วางใจได้อย่างทันท่วงที เพื่อนำไปสู่การตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • รหัสรับผู้โดยสาร 4 หลัก เพิ่มความมั่นใจว่ารับถูกคนและไปถูกคัน 

ฟีเจอร์นี้ประกอบด้วยรหัสยืนยันการรับผู้โดยสาร 4 หลักที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สามารถยืนยันว่า ได้พบกับบุคคลที่ถูกต้องตรงตามข้อมูลที่แสดงไว้ก่อนเริ่มต้นการเดินทาง ด้วยวัตถุประสงค์ในการป้องกันการขึ้นรถผิดคัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความแออัด ในช่วงเวลากลางคืน หรือในกรณีที่ผู้โดยสารไม่สามารถจดจำยานพาหนะที่ถูกต้องได้

สำหรับฟีเจอร์นี้ ผู้โดยสารสามารถเปิดใช้ผ่านการตั้งค่าความปลอดภัย เมื่อมีการเดินทาง รหัสแบบสุ่มทั้ง 4 หลักจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ จากนั้นผู้ขับขี่ก็จะได้รับการแจ้งเตือนรหัสดังกล่าวเพื่อใช้ยืนยันว่ามาถึงจุดนัดพบหรือนัดรับ โดยผู้ขับขี่ต้องกรอกรหัสรับผู้โดยสารที่ถูกต้องก่อนการเดินทางจะเริ่มต้น เพื่อให้มั่นใจว่า การจับคู่ผู้ขับขี่กับผู้โดยสารเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย

“ฟีเจอร์ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) และ รหัสรับผู้โดยสาร (Four-Digit Pick-Up Codes) ทำให้ผู้โดยสารและพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ของเราสามารถควบคุมการเดินทางได้ด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และยังเข้าถึงความช่วยเหลือได้เร็วขึ้นในช่วงเวลาวิกฤต สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Boltในการให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานทุกคนในระบบ” คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย กล่าว 

สองฟีเจอร์ข้างต้นเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับชุดเครื่องมือความปลอดภัยภายในแอปพลิเคชันซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในชุดเครื่องมือนี้ยังมีฟีเจอร์การตรวจสอบและแชร์ข้อมูลการเดินทาง (Ride Check Share Location) และปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assist) อยู่ก่อนแล้ว รวมถึงฟีเจอร์สแกนใบหน้า ที่ผู้ขับขี่ต้องเซลฟี่ตามการขอข้อมูลของระบบ ยืนยันตัวตนเป็นระยะเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและพาร์ตเนอร์

เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับทุกคน คุณณัฐดนย์ยังบอกเพิ่มอีกว่า ในแอป Bolt มี ระบบบันทึกเสียงระหว่างการเดินทาง (Record Audio) ให้ใช้งานร่วมด้วย โดยผู้ใช้งานทั้งฝั่งผู้โดยสารและผู้ขับขี่สามารถกดอัดเสียงสนทนาและหยุดอัดได้ตลอดการเดินทาง หากฝ่ายใดตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักหรือถูกข่มขู่คุกคาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้อยู่ในระบบนิเวศบริการเรียกรถมากยิ่งขึ้น

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...