เนื่องจากบริบทและกฎหมายที่ใช้กำกับดูแลความเรียบร้อยในแต่ละประเทศแตกต่างกันไป โบลท์ (Bolt) แพลตฟอร์มเรียกรถชั้นนำจากเอสโตเนีย ซึ่งขยายตลาดไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก จึงต้องปรับฟีเจอร์ให้เหมาะสมกับการให้บริการในแต่ละพื้นที่ และสำหรับประเทศไทย ชาติแรกในอาเซียนที่ Bolt เข้ามาทำตลาด ล่าสุดประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) และ รหัสรับผู้โดยสาร (Four-Digit Pick-Up Codes) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารและพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ในประเทศไทย
คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย
คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Bolt ว่า เป็นแพลตฟอร์มบริการเรียกรถ (Ride-hailing) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2013
ในกรณีที่ระบบตรวจพบความผิดปกติระหว่างการเดินทาง หรือ เมื่อมีคำขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่ผ่านแอป Bolt แล้วทีมความปลอดภัยของ Bolt ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบัญชีได้โดยตรง ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ติดต่อที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจเป็นเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่ผู้ใช้งานเพิ่มเข้าไปในระบบสูงสุด 3 ชื่อ
การเพิ่มชั้นความปลอดภัยนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งานได้ว่า จะสามารถขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ไว้วางใจได้อย่างทันท่วงที เพื่อนำไปสู่การตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฟีเจอร์นี้ประกอบด้วยรหัสยืนยันการรับผู้โดยสาร 4 หลักที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สามารถยืนยันว่า ได้พบกับบุคคลที่ถูกต้องตรงตามข้อมูลที่แสดงไว้ก่อนเริ่มต้นการเดินทาง ด้วยวัตถุประสงค์ในการป้องกันการขึ้นรถผิดคัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความแออัด ในช่วงเวลากลางคืน หรือในกรณีที่ผู้โดยสารไม่สามารถจดจำยานพาหนะที่ถูกต้องได้
สำหรับฟีเจอร์นี้ ผู้โดยสารสามารถเปิดใช้ผ่านการตั้งค่าความปลอดภัย เมื่อมีการเดินทาง รหัสแบบสุ่มทั้ง 4 หลักจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ จากนั้นผู้ขับขี่ก็จะได้รับการแจ้งเตือนรหัสดังกล่าวเพื่อใช้ยืนยันว่ามาถึงจุดนัดพบหรือนัดรับ โดยผู้ขับขี่ต้องกรอกรหัสรับผู้โดยสารที่ถูกต้องก่อนการเดินทางจะเริ่มต้น เพื่อให้มั่นใจว่า การจับคู่ผู้ขับขี่กับผู้โดยสารเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย
“ฟีเจอร์ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) และ รหัสรับผู้โดยสาร (Four-Digit Pick-Up Codes) ทำให้ผู้โดยสารและพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ของเราสามารถควบคุมการเดินทางได้ด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และยังเข้าถึงความช่วยเหลือได้เร็วขึ้นในช่วงเวลาวิกฤต สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Boltในการให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานทุกคนในระบบ” คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย กล่าว
สองฟีเจอร์ข้างต้นเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับชุดเครื่องมือความปลอดภัยภายในแอปพลิเคชันซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในชุดเครื่องมือนี้ยังมีฟีเจอร์การตรวจสอบและแชร์ข้อมูลการเดินทาง (Ride Check Share Location) และปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assist) อยู่ก่อนแล้ว รวมถึงฟีเจอร์สแกนใบหน้า ที่ผู้ขับขี่ต้องเซลฟี่ตามการขอข้อมูลของระบบ ยืนยันตัวตนเป็นระยะเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและพาร์ตเนอร์
เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับทุกคน คุณณัฐดนย์ยังบอกเพิ่มอีกว่า ในแอป Bolt มี ระบบบันทึกเสียงระหว่างการเดินทาง (Record Audio) ให้ใช้งานร่วมด้วย โดยผู้ใช้งานทั้งฝั่งผู้โดยสารและผู้ขับขี่สามารถกดอัดเสียงสนทนาและหยุดอัดได้ตลอดการเดินทาง หากฝ่ายใดตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักหรือถูกข่มขู่คุกคาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้อยู่ในระบบนิเวศบริการเรียกรถมากยิ่งขึ้น
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด