ในช่วงปี 2017 -ปัจจุบัน โครงการที่อยู่ใน Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย อย่าง Standardized QR Code ก็ได้ออกจาก Sandbox และมีการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายจนถึงเวลานี้ ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้เผยความคืบหน้าเพิ่มเติม ใน 5 โครงการที่ยังอยู่ใน Sandbox ได้แก่ Standardized QR Code , Biometrics , Blockchain , Machine Learning ,Standardized API
Standardized QR Code
การชำระเงินด้วยมาตรฐาน Thai QR Code 19 โครงการ ซึ่งส่วนมากออกจาก Sandbox แล้ว มีเพียงการใช้ Credit/Debit Card ของสถาบันการเงิน 4 แห่งที่ยังอยู่ใน Sandbox
Biometrics
เป็นที่ให้ความสนใจกันมากสำหรับการใช้ Ficial Recognition ในกระบวนการ KYC และการยืนยันตัวตนด้วย Iris Recognition โดย Facial Recognition คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุและพิสูจน์ตัวตน บุคคล โดยการเปรียบเทียบ pattern ของใบหน้าบุคคลกับรูปภาพใบหน้า ในฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง
โดยสถาบันการเงิน 10 แห่ง ที่อยู่ใน Sandbox เตรียมจะใช้เทคโนโลยีนี้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนกับลูกค้าที่มาเปิดบัญชี โดยคาดการณ์ว่าไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ จะมีการทยอยใช้เทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตนบุคคลด้วยใบหน้า ( Facial Recognition KYC ) ในการเปิดบัญชีธนาคาร
Blockchain
ในส่วนของเทคโนโลยี Blockchain มีการนำมาใช้งานด้านการจัดการหนังสือค้ำประกัน (LG) มีผู้ร่วมทดสอบเป็นสถาบันการเงิน 8 แห่ง ธุรกิจ รัฐวิสาหกิจ 7 แห่ง โดยได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการโอนเงินระหว่างประเทศที่อยู่ใน Sandbox อีก 3 โครงการ
Machine Learning
เป็นเรื่องของ Alternative Credit Scoring/Info. based Lending หรือเทคโนโลยีที่ใช้การวิเคราะห์การให้สินเชื่อโดยใช้ข้อมูลรูปแบบใหม่ ซึ่งขณะนี้มีโครงการเดียว คือโครงการสินเชื่อแม่มณีศรีออนไลน์ ของบริษัท SCB Abacus
Standardized API
API แลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่าง ธพ. และ FinTech firm มีสถาบันการเงินทดสอบอยู่ 1 แห่ง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด