กลุ่ม BTS ทุ่มเงินกว่า 1.75 หมื่นล้านบาท เข้าถือหุ้นใน JMART และ SINGER ขยายโอกาสใหม่และส่งเสริม Ecosystem ของธุรกิจ | Techsauce

กลุ่ม BTS ทุ่มเงินกว่า 1.75 หมื่นล้านบาท เข้าถือหุ้นใน JMART และ SINGER ขยายโอกาสใหม่และส่งเสริม Ecosystem ของธุรกิจ

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วีจีไอ จํากัด (มหาชน) VGI และ บริษัท ยู ซิตี้  (มหาชน) U ซึ่งทั้งสองบริษัทอยู่ในเครือของ BTS Group ได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนใน บริษัท เจ มาร์ท จํากัด (มหาชน) JMART โดยจะดําเนินการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JMART ที่จะออกและเสนอขายให้แก่บริษัทฯ ในรูปแบบของการออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจํากัด (Private Placement : PP) 

BTS ถือหุ้น JMART

ซึ่งจะออกให้กับ VGI จํานวน 206,241,800 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,256,757,486.60 บาท ซึ่งส่งผลให้ VGI ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนร้อยละ 15.00 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART 

ส่วน U นั้น จะอยู่ที่จํานวน 136,119,587 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,129,459,910.82 บาท ซึ่งส่งผลให้ U ถือหุ้นใน JMART  ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 9.90 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART 

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของ U ยังได้มีการอนุมัติการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SINGER จํานวนไม่เกิน 197,108,696 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 36.3005 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 7,155,144,219.15 บาท ซึ่ง ส่งผลให้ U ถือหุ้นใน SINGER ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 24.90 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง ทั้งหมดของ SINGER 

ด้านแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้ของ VGI และ U จะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้คาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART และ SINGER จะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564

ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับ VGI

สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการลงทุนในครั้งนี้ ในฝั่งของ VGI มองว่า จากการที่ในปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักด้านสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชําระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจนําเข้า และจัดจําหน่ายอุปกรณ์ Gadget จากประเทศจีนที่บริษัทฯ เพิ่งเข้าลงทุนผ่านบริษัท แฟนส์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จํากัด เมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นว่า JMART ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมี ธุรกิจหลัก คือ การจําหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ เกี่ยวข้องในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแนวโน้มการทํางาน และการเรียนหนังสือจากบ้านที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

โดยบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะช่วยสร้างประโยชน์และส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ ณ ปัจจุบันของบริษัทฯ อาทิ การขยายช่องทางการจัดจําหน่ายสินค้าประเภท Gadget ซึ่งจัดจําหน่ายโดย บริษัทในกลุ่มของบริษัทฯ ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของบริษัทภายใต้กลุ่ม JMART, การขยายจุดรับสินค้า (Pick-up Counters) และจุดให้บริการ (Service Points) ของ JMART บนสถานีรถไฟฟ้า 

และการใช้เครือข่ายการขนส่งสินค้า ของบริษัทในกลุ่ม VGI รวมไปถึงการปรับใช้เทคโนโลยีด้านการเงินที่ทันสมัยร่วมกับระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม บริษัทฯ นอกจากนี้ การเข้าทําธุรกรรมในครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการลงทุนใน JMART ในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทฯ โดยรวม

ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับ U

ขณะที่ประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับ U ซึ่งได้เข้าลงทุนทั้งใน JMART และ SINGER นั้น เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทฯ ดําเนินธุรกิจประเภทการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า บริการ และโรงแรม ซึ่งธุรกิจของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) บริษัทฯ จึงมีความต้องการลงทุนในธุรกิจประเภทใหม่ 

ในการนี้ บริษัทฯ มี ความสนใจในกลุ่มธุรกิจของ SINGER ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจจําหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า การให้บริการเช่าซื้อ การให้บริการสินเชื่อ ที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน การให้บริการทางการเงินอื่น ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่บริษัทฯ มองว่าเป็นธรกิจที่มีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคตและจะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการ ลงทุนดังกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ เห็นว่า JMART ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลักคือการจําหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าที่ เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง และลงทุนในธุรกิจหลากหลาย จะช่วยเสริมสร้างให้ บริษัทฯ มีการดําเนินประเภทธุรกิจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART และ SINGER จะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการลงทุนและลดความเสี่ยง จากการพึ่งพิงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมเนื่องจากบริษัทฯ มีการดําเนินประเภทธุรกิจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และการเข้าลงทุน ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯ มีพันธมิตรใหม่ทางธุรกิจที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

หมายเหตุ ปัจจุบัน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง ในสัดส่วน 21.95 % ของบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ในสัดส่วน 36.22 % ของ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน)



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

อดีตซีอีโอ Nissan เตือน การควบรวมกิจการกับ Honda อาจทำให้เจอ 'ปัญหา' การลดต้นทุนครั้งใหญ่

Carlos Ghosn อดีตซีอีโอของ Nissan ออกมาเตือนว่า บริษัทอาจต้องเผชิญกับ "หายนะ" จากการลดต้นทุนครั้งใหญ่ หากตัดสินใจควบรวมกิจการกับ Honda โดยเขาให้เหตุผลว่า ทั้งสองบริษัทมีความซ้ำซ้อน...

Responsive image

เชื่อหมอมากกว่า TikTok ? วิจัยชี้ คำแนะนำทางการแพทย์เกือบครึ่ง 'มั่ว'

Tebra บริษัทวิจัยด้านสุขภาพ ได้ทำการวิเคราะห์วิดีโอบนแพลตฟอร์ม TikTok กว่า 5,000 รายการ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคำแนะนำทางการแพทย์ เพื่อทำการประเมินความถูกต้องของ ซึ่งผลลัพธ์แสดงให้เ...

Responsive image

Zoom เผย 10 เทรนด์ AI ในการทำงาน ที่ต้องจับตา ปี 2025

ในปี 2568 บริษัทซูม วิดีโอคอมมิวนิเคชันส์ (Zoom) มองว่าเทคโนโลยี AI อาจเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในหลายๆด้าน บริษัทที่ใช้ AI เป็นหลัก จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพพนักงาน สร้างประสบการ...