
โรคหัวใจและหลอดเลือดยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนทั่วโลก ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่า 17–18 ล้านคนต่อปี หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตทั้งหมด แนวโน้มโรคหัวใจยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มคนอายุน้อยที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันสูง น้ำหนักตัวเกิน และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ
ในประเทศไทย ปี 2566 สมาคมแพทย์โรคหัวใจรายงานว่ามีผู้ป่วยสะสมกว่า 250,000 คน และมีผู้เสียชีวิตถึง 40,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน โดยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุหลัก

ศ.นพ.กุลวี เนตรมณี ผู้อำนวยการสถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่า ปัญหาคือโรคหัวใจส่วนใหญ่ไม่มีอาการเตือนชัดเจน คนไข้มักจะมาพบเมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรงแล้ว การตรวจเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงสำคัญมาก เพราะสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วยชีวิตได้ โดยเล่าว่าโรงพยาบาลจึงได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Photon-Counting CT มาใช้ เพื่อดูความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดได้ละเอียดกว่าเดิม ทำให้วางแผนการรักษาได้แม่นยำขึ้น
ที่บำรุงราษฎร์ เขาใช้เทคโนโลยีเจ๋งๆ หลายอย่างเพื่อช่วยให้คนไข้โรคหัวใจมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น หลักๆ คือการทำให้หมอเห็นปัญหาของหัวใจได้ชัดขึ้นและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะกับคนนั้นจริงๆ
เริ่มตั้งแต่การตรวจ ซึ่งใช้เครื่อง CT สแกนรุ่นใหม่ล่าสุด (Photon-Counting CT) ที่ให้ภาพคมชัดมากๆ ชัดจนเห็นจุดเล็กๆ ที่ผิดปกติในหลอดเลือดหรือลิ้นหัวใจได้ง่ายขึ้น ทำให้หมอวางแผนการรักษาได้เร็วและแม่นยำกว่าเดิมเยอะ
พอมาถึงเรื่องการรักษาจะเน้นวิธีที่ "เจ็บน้อยที่สุด" คือทำผ่านสายสวนเล็กๆ ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เปิดหน้าอก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหรือซ่อมลิ้นหัวใจ (ที่เรียกว่า TAVR, TPVR, TEER) ก็ทำด้วยวิธีนี้ได้หมด ทำให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ความเสี่ยงก็น้อยลง
ส่วนคนที่มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ก็มีห้องแล็บพิเศษที่ใช้ไฟฟ้าจี้จุดที่ผิดปกติในหัวใจ เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ แถมยังมีเทคโนโลยีสร้างภาพ 3 มิติของหัวใจมาช่วยให้หมอหาจุดที่ต้องจี้ได้แม่นยำ
ในเคสที่หนักจริงๆ หรืออยู่ในภาวะวิกฤต ที่โรงพยาบาลก็มีเครื่องมือช่วยชีวิตหลายอย่าง
และสุดท้ายสำหรับคนไข้ระยะสุดท้ายที่ต้องปลูกถ่ายหัวใจ ที่นี่ก็เป็นศูนย์ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการและมีอัตราการรอดชีวิตหลังผ่าตัดสูงถึง 85-90% ซึ่งถือว่าสูงมาก ๆ
ศ.นพ.กุลวี เสริมว่า “การรักษาโรคหัวใจยุคนี้เราเน้นการรักษาแบบบาดเจ็บน้อยที่สุด คนไข้ปลอดภัย ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น”
เบื้องหลังเทคโนโลยีเหล่านี้คือทีมแพทย์สหสาขาที่ทำงานร่วมกัน ทั้งอายุรแพทย์โรคหัวใจ ศัลยแพทย์หัวใจ แพทย์วินิจฉัยภาพ แพทย์วิสัญญี และทีมฟื้นฟู
ศ.นพ.กุลวี เองมีประสบการณ์รักษามากกว่า 30 ปี และมีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติกว่า 250 บทความ จนได้รับการจัดอันดับเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีการอ้างอิงสูงสุด 2% ของโลก (Stanford University, 2023) นอกจากนี้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังเป็นโรงพยาบาลไทยเพียงแห่งเดียวที่ติดอันดับ “โรงพยาบาลเฉพาะทางโรคหัวใจที่ดีที่สุดในโลก ปี 2569” ของ Newsweek และยังได้รับการยอมรับเป็น “โรงพยาบาลอัจฉริยะที่ดีที่สุดในโลก” อีกด้วย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด