สรุปผลประกอบการของโอเปอเรเตอร์ของไทยอย่าง TRUE และ AIS ที่ผ่านการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 มาเป็นที่เรียบร้อย ในส่วนของรายได้ และกำไร ของการดำเนินงานที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรบ้าง Techsauce ได้ทำการสรุปเอาไว้ดังนี้
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังควบรวมกิจการโดยมีรายได้รวมทั้งหมด 51,463 ล้านบาท ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 3.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้จากการให้บริการตามงบการเงินเสมือนที่ 38,985 ล้านบาท ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลง 2.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในช่วงปีก่อน อีกทั้งมีผลขาดทุนสุทธิ 492 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 95% จากไตรมาสก่อนหน้า จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,422 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก EBITDA ที่ลดลงและค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้น
โดยในไตรมาส 1 ปี 66 มี EBITDA อยู่ที่ 19,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้ 31,142 ล้านบาท ลดลง 1.7% จากไตรมาสก่อน และลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปีก่อน สาเหตุหลักรายเฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ปรับลดลง 2.3% จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะการแข่งขันในตลาดที่ยังสูง ทั้งนี้ณ สิ้นไตรมาส 1/66 บริษัทฯมีลูกค้าจำนวน 50.5 ล้านเลขหมาย โดยมีผู้ใช้บริการ 5G จำนวน 6.3 ล้านราย เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน ขณะเดียวกันมีผู้ใช้บริการระบบเติมเงินอยู่ที่ 34.7 ล้านราย ระบบรายเดือน 15.7 ล้ายราย โดยที่จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 676,000 เลขหมาย คิดเป็น 14%
ทั้งนี้ภาพรวมในปี 2566 (สำหรับระยะเวลา 10 เดือนของปี 2566 นับจากวันที่มีการควบรวม) คาดรายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้จากการเชื่อมต่อโครงข่ายทรงตัว EBITDA ทรงตัว – ลดลงด้วยตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ ส่วนเงินลงทุนประมาณ 25,000 – 30,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะยังคงผลักดันการรับรู้รายได้ที่เกิดจากการควบรวม (Revenue Synergies) ผ่านการขายพ่วงและขายเพิ่ม
ขณะเดียวกันก็ยังจะดำเนินมาตราการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้าง Synergies ที่เกิดจากการควบรวมให้ได้ตามที่คาดหวังไว้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังอาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมในภายหลังเนื่องมาจากการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น และการดำเนินงานหลังการควบรวม
ด้าน บริษัทอินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) หรือ INTUCH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส1/2566 รายได้รวมอยู่ที่ 46,712 ล้านบาท เติบโต 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 6,757 ล้านบาท ความสามารถในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถส่งมอบ EBITDA อยู่ที่ 22,636 ล้านบาท เติบโต 1.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคงระดับความสามารถในการทำกำไร EBITDA margin ที่แข็งแกร่งที่ 48.5%
ขณะที่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้จากการให้บริการเติบโตขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมที่ 46.1 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 108,000 ราย ในขณะที่มีผู้ใช้งาน 5G อยู่ที่กว่า 7.2 ล้านราย เติบโตขึ้นจาก 2.8 ล้านราย ในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา โดย AIS สามารถให้บริการ 5G ครอบคลุมถึง 87% ของพื้นที่ประชากรไทย
ในส่วนของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีรายได้เติบโตกว่า 11% จากไตรมาส 1 ปีก่อน และเติบโตต่อเนื่อง 4.3% จากไตรมาสก่อน โดยมีการขยายพื้นที่การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ AIS Fibre มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 99,000 ราย ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และมีฐานลูกค้ารวมกว่า 2.3 ล้านราย
อีกทั้งธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและธุรกิจอื่น โดย AIS Business ทำรายได้เติบโต 5.2% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
อย่างไรก็ตาม AIS ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องด้วยงบประมาณ 27,000-30,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับโครงข่ายและการให้บริการสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมพัฒนานวัตกรรมและส่งมอบคุณภาพและความครอบคลุมของโครงข่าย 5G และเน็ตบ้าน ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด