ในช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาของการทยอยประกาศงบการเงินประจำปีของบรรดาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นการสรุปผลการดำเนินงานตลอดทั้งปีของแต่ละบริษัทว่าสามารถทำกำไรได้แค่ไหน รวมถึงสาเหตุและปัจจัยต่างๆที่บริษัทต้องประสบพบเจอตลอดปีที่ผ่านมานั่นเอง โดยหนึ่งในเครือธุรกิจที่น่าจับตามอง เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างคือ เครือ 'เซ็นทรัล' ของกลุ่มตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้งอสังริมทรัพย์ และค้าปลีกที่เป็นรายใหญ่ที่สุด โดยปัจจุบันเครือเซ็นทรัลมีบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 4 กลุ่ม ได้แก่ CPN กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ CENTEL กลุ่มธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร CRC กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2563) และ COL กลุ่มธุรกิจเครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์ ดังนั้นในบทความนี้ Techsauce ได้รวบรวมผลประกอบการประจำปี 2562 ของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มในเครือเซ็นทรัลมาสรุปให้ดูว่า รายได้และกำไรของแต่ละกลุ่มมีการเติบโตเป็นอย่างไรกันบ้างในช่วงที่ผ่านมา
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ที่ผ่านมาได้ขยายตัวอยู่ที่ 2.4 % ชะลอตัวลงจากปี 2561 ที่ขยายตัว 4.1% เป็นผลมาจากการส่งออกหดตัว รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องมาจากจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าจากผลกระทบของสงครามการค้าซึ่งกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวม
แต่ด้านผลประกอบการของบริษัทยังมีคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 38,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จาก ปีก่อน และกําไรสุทธิ 11,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 จากปีก่อน ซึ่งมาจากการเดิบโตจากธุรกิจศูนย์การค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะการเดิบโตของรายได้จากศูนย์การค้าเดิมที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ
(1) รายได้จากการให้เช่าและให้บริการ : บริษัทฯ มีรายได้จากการให้เช่าและให้บริการจํานวน 31,843 ล้านบาท เติบโต ร้อยละ 9.7 จากปีก่อน แม้ว่าได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงศูนย์การค้าที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงก็ตาม โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยดังนี้ รายได้จากศูนย์การค้าใหม่ที่เปิดดําเนินการ ได้แก่ 1.) เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2561 2.) เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ เปิดให้บริการในเดือน มีนาคม 2562 และ 3.) เซ็นทรัล วิลเลจ เปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2562
รวมถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นของศูนย์การค้าที่ปรับปรุงใหญ่และทยอยเปิดให้บริการในปี 2561 และ 2562 ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี และ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
ผลประกอบการของศูนย์การค้าเดิมที่เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น เช่น เซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย เซ็นทรัล พลาซา นครศรีธรรมราช เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก และเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 เป็นต้น
(2) รายได้จากการให้บริการศูนย์อาหาร : ในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการศูนย์อาหารจํานวน 851 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 16.2 จากปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากศูนย์อาหารใหม่ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า และเซ็นทรัล วิลเลจ รวมถึงศูนย์ อาหารทีjปรับปรุงใหม่และเปิดให้บริการในปี 2562 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล พลาซา พระราม 3 เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย และเซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของศูนย์อาหารเดิมในศูนย์การค้าทั้งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด อาทิ เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า เซ็นทรัล พลาซา นครศรีธรรมราช เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี เซ็นทรัลพลาซา ระยอง เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น และ เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก
(3)รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม : ธุรกิจโรงแรมถือเป็นธุรกิจสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยในปี 2562 บริษัทฯมีรายได้ จากการประกอบกิจการโรงแรมานวน 1,121 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.2 จากปีก่อน ในขณะที่ผลการดําเนินกิจการโรงแรมปรับตัวลดลง อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมฮิลตัน พัทยา อยู่ที่ร้อยละ 89 ลดลงจาก ร้อยละ 93 ในปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากภาวะการท่องเที่ยวโดยรวมที่ซบเซาลง อัตราการเข้าพักเฉลี่ยโรงแรมเซ็นทาราและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อุดรธานี อยู่ที่ร้อยละ 71 ลดลง จากร้อยละ 75 ในปีก่อนหน้า ในขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ยในโรงแรมทั้งสองแห่งได้ปรับตัว ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย
(4)รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ : ในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จํานวน 2,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.2 จากปีก่อน เป็นผลมาจากการโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากโครงการคอนโดมิเนียมที่เชียงใหม่ (แห่งที่ 2) เชียงราย นครราชสีมา ฟิล พหล 34 และ เบ็ล แกรนด์ พระราม 9 ในกรุงเทพฯ รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยว นิยาม บรม ราชชนนี โดยบริษัทฯ สามารถโอนและรับรู้เป็นรายได้ตามแผนที่วางไว้
กําไรสุทธิ ในปี 2562
บริษัทฯ มีกําไรสุทธิเท่ากับ 11,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากปีก่อน โดยมาจากรายได้จากการให้เช่าและให้บริการศูนย์การค้าที่เดิบโตอย่างโดดเด่น และการบริหารค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสูงขึ้น ภายหลังเข้าซื้อกิจการ GLAND เมื่อเดือน กันยายน 2561 และมีเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตจากแหล่งรายได้ใหม่ก็ตาม (แหล่งรายได้ใหม่ CPN ได้เข้าลงทุนใน Grab (ประเทศไทย) ในสัดส่วน 33% และเปิดตัว Common Ground coworking space ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ Common Ground มาเลเซีย )
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นที่จะบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมี ประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการดําเนินธุรกิจ
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทฯมีรายได้รวม 21,190.3 ล้านบาท ลดลง 2.7% จากปี 2561 เนื่องจากการลดลงของรายได้ธุรกิจโรงแรม โดยสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมต่อรายได้จากธุรกิจอาหาร อยู่ที่ 42% : 58% (ปี 2561: 45% : 55%) ขณะที่กําไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่จํานวน 1,744.2 ล้านบาท ลดลง 19.9% จากปีก่อน
ธุรกิจโรงแรม : ปี 2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,895.9 ล้านบาท ลดลง ลดลง 8.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปิดปรับปรุงโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บีชรีสอร์ท สมุย ทําให้ สูญเสียรายได้ประมาณ 289.4 ล้านบาทเทียบปีก่อน หากไม่รวมผลการดําเนินงานของโรงแรมที่ปิด ปรับปรุงดังกล่าวรายได้รวมลดลงประมาณ 6.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่อัตราการเข้าพักลดลง จาก 81.9% เป็น 77.2% ราคาห้องพักเฉลี่ยลดลง 3.1% เทียบ กับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 4,477 บาท ส่งผลให้รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย ลดลง 8.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,456 บาท
ธุรกิจอาหาร : บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจอาหารรวม 12,294.5 ล้านบาท เติบโต 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 การเติบโตของธุรกิจอาหารในปี 2562 นี้มาจากการขยายสาขาเป็นหลัก โดยมีการเพิ่มขึ้นของสาขาสุทธิทั้งสิ้น 108 สาขา ในขณะที่อัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSS)ลดลง 5.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา การลดลงของ SSS มาจากแบรนด์เค เอฟ ซี มิสเตอร์โดนัท อานตี้ แอนส์ โยชิโนยะ และชาบูตง เป็นหลัก ในขณะที่ แบรนด์ โอโตยะ เดอะ เทอเรส และคัตซียะ มีอัตราการเติบโตของ sss เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 222,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,117 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% จากปี 2561 และมีกําไรสุทธิอยู่ที่ 12,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,254 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.3% จากปี 2561 โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น จากการรวมธุรกิจเหงียนคิมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 เงินชดเชยจากการประกันภัยกรณีเพลิงไหม้ที่ห้างสรรพสินค้าเซนการเติบโตของธุรกิจฮาร์ดไลน์ ธุรกิจ พูดในเวียดนาม และธุรกิจแฟชั่นในประเทศ ตามลําดับ
(1) รายได้จากการขาย : ในปี 2562 อยู่ที่ 195,355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,741 ล้านบาท จากปี 2561 หรือคิดเป็น 8.2 % โดยรายได้จากการขายสามารถจําแนกได้ตามประเภทธุรกิจของบริษัทฯ ดังนี้
(2) รายได้จากการให้บริการเช่า : ในปี 2562 อยู่ที่ 6,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 565 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.8 % โดยหลักประกอบด้วยรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกของกลุ่มบริษัทฯ ในร้านค้า พลาซ่า และพื้นที่อื่นๆ
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่มีรายได้จากการให้บริการเช่าเพิ่มขึ้นสูงที่สุดคือ กลุ่มแฟชั่น ตามมาด้วยกลุ่มฟูด และกลุ่มฮาร์ดไลน์ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเปิดพลาซ่าแห่งใหม่ 3 สาขา ได้แก่ โรบินสันไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ สาขาชลบุรี สาขาชัยภูมิ และสาขาลาดกระบัง และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งใหม่ 1 สาขา ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาป่าตองในจังหวัดภูเก็ต ที่อยู่ภายใต้ธุรกิจห้างสรรพสินค้าในประเทศไทย และจากอัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปี 2561
(3) รายได้จากการให้บริการ : ในปี 2562 อยู่ที่ 1,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 262 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.5 % จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการของบริษัท โรบินสัน จํากัด (มหาชน) และการรวมธุรกิจเหงียนคิมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทฯ
บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมจํานวน 11,320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากปีก่อน อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย และมีกําไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จํานวน 762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากกําไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากการผลักดันยอดขายสินค้ากลุ่ม Private Brand และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
OfficeMate : ในปี 2562 มูลค่าการขายสุทธิผ่านหน้าร้านมีจํานวน 3,666 ล้านบาท ลดลง 2.2% จากปีก่อน และมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขา เดิมลดลง 2.6% โดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบจากเศรษฐกิจ โดยรวมที่ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า บริเวณศูนย์การค้าหลายแห่งได้ส่งผลกระทบทําให้จํานวนลูกค้าที่เข้าร้านลดลง
ส่วนมูลค่าการขายสุทธิผ่านช่องทางที่ไม่ใช่หน้าร้าน ซึ่งประกอบไปด้วยช่องทางศูนย์บริการทาง โทรศัพท์ และช่องทางออนไลน์ อยู่ที่จํานวน 3,500 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบจากเศรษฐกิจ โดยรวมที่ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ดี ยอดขายผ่านช่องทาง ออนไลน์เติบโตได้ดีกว่าช่องทางอื่น อันเป็นผลจากการให้บริการผ่าน ช่องทางใหม่ “Chat & Shop” ที่สอดรับพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า การทํารายการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทาง ออนไลน์ รวมถึงยอดขายจากสินค้ากลุ่ม Factory และ HoReCa
B2S : ในปี 2562 มูลค่าการขายสุทธิจํานวน 4,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากปีก่อน อันเป็นผลจากการปรับปรุงร้านในรูปแบบ Think Space การนําเสนอสินค้าที่ตรงความต้องการของลูกค้า และยอดขายจากสาขาใหม่ ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 0.3% จากปีก่อน โดยยอดขายจากสาขาเดิมมีการเติบโตสูงในครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตชะลอตัวลงใน ครึ่งปีหลังโดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบระยะสั้นในช่วงระหว่างการ ดําเนินการปรับปรุงสาขาลาดพร้าวตั้งแต่เดือนกันยายน - ธันวาคมที่ผ่านมา
MEB : ในปี 2562 มูลค่าการขายสุทธิมีจํานวน 626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% จาก ปีก่อน อันเป็นผลสําเร็จจากการนําเสนอสินค้า E-Book ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เช่น นิยายไทย และนิยายแปลไทย การนําเสนอ หนังสือกลุ่มใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า เช่น มังงะ (การ์ตูนญี่ปุ่น) นิยายที่ ดัดแปลงจากเกม รวมถึงการทํากิจกรรมการตลาดร่วมกับกลุ่มนักอ่าน เพื่อกระตุ้นการซื้อของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด