
Key Takeaways
Jim Farley, CEO ของ Ford, ออกมาเตือนว่าอเมริกากำลังมองผิดจุด เขาชี้ว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจริงๆ ไม่ได้มาจากบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนแวลลีย์เท่านั้น แต่มาจาก "เศรษฐกิจที่จำเป็น" ซึ่งก็คือกลุ่มอาชีพที่ทำงานด้านการขนส่ง, การก่อสร้าง และการซ่อมบำรุง
เขามองว่าตอนนี้กำลังเกิดปัญหาสวนทางกันอย่างน่าเป็นห่วง คือในขณะที่ AI กำลังจะเข้ามาแย่งงานคนในออฟฟิศ (White-Collar) แต่กลุ่มงานช่างฝีมือ (Blue-Collar) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญกลับขาดแคลนคนทำงานอย่างหนัก
สาเหตุสำคัญมาจากระบบการศึกษาของอเมริกาที่มุ่งเน้นแต่การเรียนมหาวิทยาลัย 4 ปี เพื่อป้อนคนเข้าสู่ตลาดงานออฟฟิศ โดยละเลยการสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรม
ภาพที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงในกลุ่มแรงงานฝีมือ ซึ่งความต้องการพุ่งสูงขึ้น แต่จำนวนคนทำงานกลับลดลง แม้ว่า Deloitte จะคาดการณ์ว่าตำแหน่งงานในภาคการผลิตของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเกือบ 3.8 ล้านตำแหน่งภายในปี 2033 แต่ระบบการศึกษาเชิงอาชีวะและหลักสูตรการฝึกงานของประเทศกลับล้าสมัยและขาดงบประมาณสนับสนุน
Farley เปรียบเทียบกับประเทศเยอรมนี ซึ่งมีระบบการฝึกงาน (Apprenticeship) ที่แข็งแกร่งและเป็นบรรทัดฐานของสังคม ช่วยสร้างแรงงานที่มีทักษะและความมั่นคงให้กับภาคอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง เขาเสียดายที่อเมริกากลับมองข้ามอาชีพสายช่างฝีมือ ทั้งๆ ที่ในปัจจุบันงานเหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่จำเป็นและมั่นคงที่สุดในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน
เพื่อรับมือกับปัญหาความเหนื่อยล้าของพนักงานและความไม่พอใจเรื่องค่าจ้าง Farley ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญโดยเปลี่ยนสถานะพนักงานชั่วคราวให้เป็นพนักงานประจำเร็วขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้รับค่าจ้างและสวัสดิการที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นการเดินตามรอย Henry Ford ที่เคยขึ้นค่าแรงเป็นสองเท่าครั้งประวัติศาสตร์ในปี 1914 และ Farley ยืนยันว่านี่คือหนทางเดียวที่จะทำให้งานในภาคอุตสาหกรรมน่าดึงดูดสำหรับคนรุ่นใหม่
นอกจากการแก้ปัญหาภายในองค์กรแล้ว เขายังเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับชาติ ดังนี้:
Farley ทิ้งท้ายว่า หัวใจสำคัญที่จะช่วยให้อเมริการับมือกับคลื่น AI ได้ พร้อมกับฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง คือการที่ทุกภาคส่วนต้องหันมา "จัดลำดับความสำคัญกันใหม่" อย่างจริงจัง
ที่มา: Fortune, Yahoo Finance
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด