CEO Ford ชี้สหรัฐฯ เดินผิดทาง? ทุ่มเทผิดจุด-ละเลย ‘เศรษฐกิจที่จำเป็น’ ในยุค AI แย่งงานเด็กรุ่นใหม่


Key Takeaways

  • CEO Ford ชี้ว่า AI จ่อลดตำแหน่งงานออฟฟิศลง 50% ใน 10 ปีข้างหน้า ในขณะที่แรงงานฝีมือกลับขาดแคลนอย่างรุนแรง

  • ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายออฟฟิศ (เช่น โปรแกรมเมอร์, ธุรการ) มีความเสี่ยงสูงที่จะถูก AI เข้ามาแทนที่

  • สหรัฐฯ ขาดแคลนคนงานในโรงงานและภาคการก่อสร้างนับแสนตำแหน่ง ซึ่งกลายเป็นอาชีพที่มั่นคงและเป็นที่ต้องการของตลาด

  • เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเลิกยึดติดกับปริญญา แล้วหันมาลงทุนและให้ความสำคัญกับการศึกษาเชิงอาชีวะและแรงงานฝีมืออย่างจริงจัง

Jim Farley, CEO ของ Ford, ออกมาเตือนว่าอเมริกากำลังมองผิดจุด เขาชี้ว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจริงๆ ไม่ได้มาจากบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนแวลลีย์เท่านั้น แต่มาจาก "เศรษฐกิจที่จำเป็น" ซึ่งก็คือกลุ่มอาชีพที่ทำงานด้านการขนส่ง, การก่อสร้าง และการซ่อมบำรุง

เขามองว่าตอนนี้กำลังเกิดปัญหาสวนทางกันอย่างน่าเป็นห่วง คือในขณะที่ AI กำลังจะเข้ามาแย่งงานคนในออฟฟิศ (White-Collar) แต่กลุ่มงานช่างฝีมือ (Blue-Collar) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญกลับขาดแคลนคนทำงานอย่างหนัก

คลื่น AI ที่กำลังซัดงาน ‘ไวท์คอลลาร์’

  • Farley ไม่ได้พูดเรื่องนี้คนเดียว แต่ยังสะท้อนความกังวลของผู้นำในวงการเทคโนโลยีอย่าง Andy Jassy (CEO ของ Amazon) และ Dario Amodei (CEO ของ Anthropic) ที่คาดการณ์ว่า AI จะเข้ามาลดจำนวนตำแหน่งงานในองค์กรและงานระดับเริ่มต้นได้อย่างมหาศาล
  • Farley ชี้ให้เห็นข้อมูลที่น่าตกใจว่า "การจ้างงานระดับเริ่มต้นในบริษัทเทคโนโลยีลดลงถึง 50% ตั้งแต่ปี 2019" และตั้งคำถามว่า "นี่คือทิศทางที่เราอยากให้ลูกหลานของเรามุ่งไปจริงๆ หรือ?" พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า "ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแทนที่แรงงานไวท์คอลลาร์ในสหรัฐฯ ได้ถึงครึ่งหนึ่ง"

สาเหตุสำคัญมาจากระบบการศึกษาของอเมริกาที่มุ่งเน้นแต่การเรียนมหาวิทยาลัย 4 ปี เพื่อป้อนคนเข้าสู่ตลาดงานออฟฟิศ โดยละเลยการสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรม

ช่องว่างของแรงงานฝีมือ

ภาพที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงในกลุ่มแรงงานฝีมือ ซึ่งความต้องการพุ่งสูงขึ้น แต่จำนวนคนทำงานกลับลดลง แม้ว่า Deloitte จะคาดการณ์ว่าตำแหน่งงานในภาคการผลิตของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเกือบ 3.8 ล้านตำแหน่งภายในปี 2033 แต่ระบบการศึกษาเชิงอาชีวะและหลักสูตรการฝึกงานของประเทศกลับล้าสมัยและขาดงบประมาณสนับสนุน

Farley เปรียบเทียบกับประเทศเยอรมนี ซึ่งมีระบบการฝึกงาน (Apprenticeship) ที่แข็งแกร่งและเป็นบรรทัดฐานของสังคม ช่วยสร้างแรงงานที่มีทักษะและความมั่นคงให้กับภาคอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง เขาเสียดายที่อเมริกากลับมองข้ามอาชีพสายช่างฝีมือ ทั้งๆ ที่ในปัจจุบันงานเหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่จำเป็นและมั่นคงที่สุดในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน

แนวทางของ Ford และแผนของ Farley

เพื่อรับมือกับปัญหาความเหนื่อยล้าของพนักงานและความไม่พอใจเรื่องค่าจ้าง Farley ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญโดยเปลี่ยนสถานะพนักงานชั่วคราวให้เป็นพนักงานประจำเร็วขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้รับค่าจ้างและสวัสดิการที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นการเดินตามรอย Henry Ford ที่เคยขึ้นค่าแรงเป็นสองเท่าครั้งประวัติศาสตร์ในปี 1914 และ Farley ยืนยันว่านี่คือหนทางเดียวที่จะทำให้งานในภาคอุตสาหกรรมน่าดึงดูดสำหรับคนรุ่นใหม่

นอกจากการแก้ปัญหาภายในองค์กรแล้ว เขายังเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับชาติ ดังนี้:

  1. เปลี่ยนทัศนคติ: สังคมต้องยอมรับและเห็นความสำคัญของ "เศรษฐกิจที่จำเป็น"
  2. ลงทุนในการศึกษา: เพิ่มงบประมาณและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาเชิงอาชีวะให้ดีขึ้น
  3. สร้างระบบการฝึกงาน: วางระบบการฝึกงานที่เชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษากับภาคอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง
  4. นโยบายส่งเสริม: ออกนโยบายที่สนับสนุนและให้คุณค่ากับแรงงานฝีมือ

Farley ทิ้งท้ายว่า หัวใจสำคัญที่จะช่วยให้อเมริการับมือกับคลื่น AI ได้ พร้อมกับฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง คือการที่ทุกภาคส่วนต้องหันมา "จัดลำดับความสำคัญกันใหม่" อย่างจริงจัง

ที่มา: Fortune, Yahoo Finance

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...