CES 2023 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3-5 มกราคม 2563 ที่เมืองลาสเวกัส เป็นงานมหกรรมแสดงนวัตกรรมและเปิดตัวสินค้าล่าสุดที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลก งานนี้ใช้พื้นที่ที่ลาสเวกัสคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์กว่า 2 แสนตารางเมตรและมีผู้มาแสดงสินค้ากว่า 3,000 ราย บริษัทยักษ์ใหญ่แบรนด์ดังระดับโลกต่างใช้เวทีนี้แสดงวิสัยทัศน์และผลิตภัณฑ์ที่มาช่วยแก้ปัญหาโลกรวมทั้งแนะนำผลิตภัณฑ์ในอนาคตที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเรา นวัตกรรมทั้งห้าเรื่องที่คัดเลือกมาเล่าวันนี้เชื่อว่าอยู่ในความสนใจของหลายๆคนสำหรับการก้าวไปสู่อนาคตอันใกล้
- รถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า EV i Vision Dee ด้วยแนวคิด A car with a heart ชื่อรุ่น Dee นี้มาจากคำว่า Digital Emotional Experience โดยกระจกบานหน้าภายในรถสามารถปรับเป็นจอดูภาพได้เมื่อไม่ได้อยู่ในขณะขับรถ เทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้เรียกว่า BMW Mixed Reality Slider คือผสมผสานทั้งภาพจริงและ Heads-up monitor มีตัวหนังสือขึ้นบนจอกระจกรถ ไฟหน้าสามารถแสดงอารมณ์สีหน้าได้เก้าแบบ รถสามารถสื่อสารพูดคุยกับผู้ขับได้
ที่พิเศษคือสามารถเปลี่ยนสีรถภายนอกได้ถึง 32 สี ตามอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้รถและสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแค่เปลี่ยนสีรถทั้งคัน เช่นจากสีขาวเป็นสีน้ำเงิน แต่สามารถเปลี่ยนได้หลากหลายสีในขณะเดียวกันเรียกได้ว่าเป็นรถสีรุ้งเลยก็ว่าได้ วิสัยทัศน์ของบีเอ็มวันนี้คือการทำให้รถเป็นเพื่อนของผู้ใช้รถจริงๆ มากกว่าแค่พาหนะโดยสารที่พาคุณจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งแล้วจบ แต่เป็นเพื่อนที่รู้ใจตลอดทาง รู้จักนิสัยการขับ มีอุปนิสัยของตัวเองตามที่บริษัทบีเอ็มตั้งใจเป็น Ultimate Companion
- Sony ที่เรารู้จักชื่อเสียงแบรนด์กล้องถ่ายรูปชื่อดังในอดีต วันนี้เข้าถึงตัวผู้บริโภคในโมเดลธุรกิจใหม่ โซนี่หันมาเน้นพัฒนากล้องถ่ายหนังภาพยนตร์คุณภาพสูง ใครที่ได้ชมหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Top Gun: Maverick คงจะนึกภาพออกว่าความละเอียดคมชัดและมุมกล้องถ่ายทำโดยกล้อง Sony Venice ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นนั่งไม่ติดเก้าอี้ขนาดไหน โซนี่จริงจังกับการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในธุรกิจผลิตภาพยนตร์ เข้าจับมือร่วมกับคอนเทนท์ครีเอเตอร์และโปรดิวเซอร์มากมาย ทำงานร่วมกับนายเอ็ม ไนท์ ชยามาลาน (ผู้กำกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญโด่งดังจากเรื่อง The Sixth Sense และ Unbreakable) มาร่วมเปิดหนังเรื่องใหม่จากค่ายโซนี่มิวสิคชื่อ Knock at the Cabin
ในงาน CES นี้ บูธของโซนี่ได้ถูกจำลองฉากบ้านที่อยู่ในหนังจริงมาไว้ที่นี่ ให้ผู้ชมสามารถเข้าถึง เดินและสัมผัสในฉากใส่กล้อง VR เสมือนเป็นส่วนหนึ่งในหนัง ดูผิวเผินเราอาจจะคิดว่าเป็นการขายกล้องของโซนี่ แต่ภายใต้สิ่งนี้คือคอนเซปการตลาดที่เจาะถึงความสำคัญของ Storytelling เล่าเรื่องผ่านภาพเคลื่อนไหวที่คอนเทนครีเอเตอร์ทุกคนโหยหา
ในขณะที่จำนวนคนเล่นเกมส์เติบโตเร็วจนถึง 3.2พันล้านคนในโลก
Sony เองในฐานะผู้นำในกลุ่มเกมส์ Playstation ก็ไม่หยุดพัฒนาต่อ ตั้งเป้าเป็นเกมส์ที่ดีที่สุดเสมอมา คนเล่นเกมส์กลายเป็นตัวละครในวิดีโอเกมส์ ส่วนเกมส์กลับมีตัวตนเป็นเสมือนเรื่องจริง ตัวอย่างเช่น Sony PlayStation เชื่อมต่ออุปกรณ์ VR ในการเล่นให้เสมือนจริงที่สุด ส่วนเกมชื่อดังอย่างแกรนด์ทัวริสโม่ (Grand Tourismo) ถูกสร้างเป็นหนังที่จะเข้าฉายในเดือนสิงหาคมปีนี้
- หมวด Digital Healthcare บริเวณงานที่ได้รับความนิยมสูงมากในงานนี้ การรักษาโดยแพทย์ผ่านมือถือ (Telemedicine) ที่เราเริ่มรู้จักกันในช่วงโควิด19 ได้สร้างฐานของการยอมรับการรักษาวิธีการนี้มากขึ้น ตลาด Home Health Hub คาดว่าจะมีปริมาณถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ นำตลาดโดยบริษัท Omron ที่นำเสนอ HeartGuide เครื่องวัดความดันโลหิตแบบพกติดตัวพ่วงกับการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
ส่วนบริษัทซัมซุงก็ร่วมมือกับบริษัทซอฟท์แวร์หลายแห่งที่จะเชื่อมข้อมูลที่อุปกรณ์ซัมซุงป้อนเข้าและนำมาประมวลผล เช่นซัมซุงสร้างนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ เซนเซอร์ที่ฝังบนจอโทรทัศน์เพื่อตรวจดูการเคลื่อนไหวของคน ข้อมูลจะถูกบันทึกขึ้นคลาวด์และแสดงผลบนแอพพลิเคชั่น บริษัทสัญชาติอเมริกัน Medwand นำเสนอเครื่องตรวจวัดสุขภาพเบื้องต้นแบบเคลื่อนที่ ตรวจทั้งภายในภายนอก ได้ทั้งหูคอจมูกและฟังเสียงหัวใจ
และส่งผลให้ทางแพทย์วินิจฉัยแบบ Real time โดยไม่ต้องมาพบแพทย์ ส่วนบริษัทเกาหลีหนึ่งนำเสนออุปกรณ์ที่เป็นหมวกครอบศีรษะและจับเส้นประสาทในสมองเพื่อตรวจคลื่นสมองอีเคจี บอกถึงการทำงานของสมองและโอกาสความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าและโรคอัลเซเมอร์
- เมื่ออุปกรณ์ใส่ติดตัว (Wearable device) เป็นได้มากกว่าแค่เครื่องวัดผลออกกำลังกาย ปัจจุบันเราคุ้นชินกับการใส่นาฬิกาสมาร์ทวอทช์เพื่อนับจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน หรือนักวิ่งก็จะใช้วัดระยะทาง ความเร็วและอื่นๆ งานนี้บริษัทเทคโนโลยีสร้างฟีเจอร์ที่วัดผลของสุขภาพได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผลที่วัดมานี้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับแพทย์พยาบาลผู้ให้บริการ
ในงานนี้มีอุปกรณ์วัดสายตาด้วย AI แค่มองในแว่นก็บอกถึงความผิดปกติของสายตา ผู้ที่มีปัญหาในการมองเห็นหรือผู้สูงอายุ สามารถใส่แว่นที่ช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น ใส่เข็มขัดที่มี sensor สั่นเมื่อเรากำลังจะเดินชนสิ่งกีดขวางหรือทางต่างระดับ ผู้ป่วยเบาหวานใช้แผ่นเพื่อวัดปริมาณน้ำตากลูโคส และมีค่าเตือนไปที่มือถือเพื่อบอกว่าเค้าควรจะปรับอาหารในสัปดาห์นี้อย่างไร ตลาดของอุปกรณ์เคลื่อนที่ทางการแพทย์ถูกครอบครองส่วนแบ่งตลาดโดย Apple แต่ Google ที่ส่ง Wear OS ลงสนามและ Xiaomi จากจีนก็อยากจะแข่งขันในตลาดนี้เช่นกัน
- การประชุมออนไลน์จะไม่ได้แค่อยากเห็นหน้าของผู้สนทนาผ่านจออีกต่อไป Cisco Webex Hologram คิดค้นวิธีการประชุมกับอีกฟากหนึ่งผ่านการใส่แว่นวีอาร์ทำให้เราเสมือนได้คุยกับคู่สนทนาอีกฝั่งนึงตัวต่อตัว เราจะเลือกเห็นตัวเขาได้ครึ่งตัวหรือเต็มตัวก็ได้ VR AR จะถูกนำมาแปลงใช้ในโลกของธุรกิจมากขึ้น เช่น การให้ช่างมือใหม่สวมอุปกรณ์ VR AR ที่เชื่อมต่อกับคอมมานเซ็นเตอร์ เข้าไปซ่อมแซมงาน จะสามารถรับคำแนะนำโดยช่างชำนาญงานที่นั่งอยู่ที่ไหนก็ได้
แก้ปัญหาช่างประสบการณ์น้อยให้ทำงานได้ทันทีและพัฒนาทักษะช่างใหม่ไปในตัว โดยกล้อง VR ก็คือช่างอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่อื่น จะทำให้เขาเห็นภาพเดียวกันกับคนที่อยู่หน้างาน และด้วยการใช้ Mixed reality ทำให้ช่างผู้ชำนาญงานสามารถสร้างกราฟฟิกชี้นำว่าควรจะแก้ไขเรื่องอะไรบ้างเสมือนเขาได้ทำงานไปด้วย
เราจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสามารถที่จะทำให้เข้าถึงความรู้สึกของเราได้มากขึ้นอย่างที่ BMW ต้องการให้รถเป็นเสมือนเพื่อนสนิทของเราจริงๆ Sony มุ่งมั่นที่จะให้ภาพเป็นตัวสื่อถึงประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเสมือนจริงโดยที่เราไม่ต้องผ่านประสบการณ์อันตรายนั้นด้วยตัวเองผ่านมุมกล้องที่มีคุณภาพสูงรวมถึงการทำเกมเสมือนจริง การเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกจึงเป็นเทคนิคสำคัญของบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลาย
ส่วนเรื่องการแพทย์ โควิดทำให้เรารู้ถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพและการป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสในรูปแบบต่างๆ การเดินทางไปสถานพยาบาลจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอย่างเคย เมื่ออุปกรณ์ที่เข้ามาทดแทนการตรวจโดยวิธีดั้งเดิมถูกพัฒนาให้เป็นระบบ Self Test โดยส่งผลการตรวจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ห่างไกลสามารถวินิจฉัยและให้คำแนะนำเบื้องต้นได้ วันนี้ Telemedicine ก้าวไปอีกขั้นด้วยอุปกรณ์ที่สามารถให้ข้อมูลในเชิงลึกขึ้น กว้างขึ้น เพื่อวิเคราะห์โรคต่างๆได้มากขึ้น
และอุปกรณ์เหล่านั้นยังเชื่อมต่อกันได้อย่างกว้างขวางขึ้น เป็นระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ขึ้นและร่วมมือกันได้ตั้งแต่ผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล ไปถึงร้านขายยาและอุปกรณ์เลยทีเดียว การพัฒนานี้เป็นประโยชน์อย่างสูงต่อวงการแพทย์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลสถานพยาบาล
บทความนี้เขียนโดย คุณพรพิมล ปฐมศักดิ์ Business Mentor & Industry Analyst