ปลายปี 2025 ไม่ได้มีแค่ Spotify ที่ชวนผู้ใช้ย้อนดูเรื่องราวตลอดปีที่ผ่านมาอีกต่อไป เมื่อ ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Your Year with ChatGPT” ที่ออกแบบมาเพื่อสรุปพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ตลอดทั้งปี ในบรรยากาศเดียวกับ Wrapped ของ Spotify แต่เปลี่ยนจากเพลย์ลิสต์เพลง เป็นบทสนทนา ความคิด และคำถามที่ผู้ใช้แลกเปลี่ยนกับ AI
ฟีเจอร์นี้ยังไม่รองรับในไทย โดยเริ่มทยอยเปิดให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และบางประเทศในกลุ่มภาษาอังกฤษ โดยรองรับบัญชี Free, Plus และ Pro ขณะที่บัญชี Team, Enterprise และ Education ยังไม่สามารถใช้งานได้

แทนที่จะสรุปออกมาเป็นกราฟหรือแดชบอร์ดแบบดั้งเดิม OpenAI เลือกนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Interactive Storytelling เพื่อทำให้การทบทวนปีที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่ ‘รู้สึกเป็นส่วนตัว’ มากขึ้น โดยมีฟีเจอร์หลัก ได้แก่
ผู้ใช้ที่เข้าเงื่อนไขสามารถเริ่มใช้งานได้ง่าย ๆ เพียงพิมพ์คำสั่ง “Show me my year with ChatGPT” โดยต้องเปิดฟีเจอร์ Memory และ Chat History ไว้ล่วงหน้า
ในเชิงธุรกิจ “Your Year with ChatGPT” ไม่ได้เป็นเพียงลูกเล่นส่งท้ายปี แต่สะท้อนทิศทางสำคัญของ OpenAI อย่างชัดเจน ได้แก่
ในเชิงจิตวิทยา ฟีเจอร์สรุปปีเล่นกับสิ่งที่เรียกว่า Self-Reflection และ Social Sharing หรือความรู้สึก ‘อยากรู้จักตัวเอง’ และ ‘อยากให้คนอื่นเห็นตัวตนเรา’ ผู้ใช้ไม่ได้แค่ดูข้อมูลของตัวเอง แต่ยังอยากแชร์ฉายา สถิติ หรือภาพพิกเซลอาร์ตให้คนอื่นเห็นว่า “ฉันใช้ AI แบบไหน” และ "ฉันเป็นคนแบบไหน"
สิ่งนี้ช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์ และทำให้แพลตฟอร์มกลายเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ดิจิทัล ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า AI ไม่ได้เป็นแค่โปรแกรม แต่เป็นกระจกสะท้อนนิสัยการคิดของเรา
บทสรุปของฟีเจอร์นี้ไม่ได้จบลงแค่ตัวเลข แต่ ChatGPT เลือกที่จะทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำที่ชวนให้ฉุกคิดว่า
ท่ามกลางกองดราฟต์ คำถามนับพัน และการดำดิ่งหาคำตอบ... คุณได้ค้นพบพื้นที่ปลอดภัยทางความคิดของคุณแล้ว... และนั่นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
ประโยคนี้คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เผยให้เห็นวิสัยทัศน์ใหม่ของ OpenAI ที่ต้องการเปลี่ยนสถานะจาก ‘AI อัจฉริยะ’ ให้กลายเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ อย่างเต็มตัว และนี่คือสัญญาณเตือนไปยังคู่แข่งทั่วโลกว่า ในปี 2026 สมรภูมิ AI จะไม่ได้ตัดสินกันที่ความเร็วหรือความฉลาดของโมเดลอีกต่อไป แต่ชัยชนะจะตกเป็นของคนที่ ‘ซื้อใจ’ และแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ใช้งานได้ลึกซึ้งกว่า
อ้างอิง: Business Insider, ChatGPT, TechCrunch
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด