หน่วยงานของธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Bank of China; PBOC) ได้ทำการวิจัยและพัฒนา ต้นแบบสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาตั้งแต่ปี  2014 ซึ่งในขณะนี้ใกล้จะสำเร็จและพร้อมเผยแพร่ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งประเทศจีนกำลังจะจำลองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ และลองดำเนินการกิจกรรมทางการเงินแบบจำลองโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลกับธนาคารพาณิชย์ในจีน

จีนเห็นประโยชน์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการพัฒนาระบบสกุลเงินดิจิทัล ประการแรก เงินดิจิทัลจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโอนเงิน ดังนั้น จึงทำให้การทำธุรกรรมทางการเงิน เป็นที่จับต้องได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับคนนับล้านในประเทศที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อกับธนาคารดังเดิม ลำดับต่อมา การใช้เทคโนโลยี ฺBlockchain มีศักยภาพในการลดการปลอมแปลงเงิน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการลดการทุจริตซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญ สุดท้ายเงินดิจทัลอาจจะเพิ่มการโอนเงินระหว่างประเทศที่มากขึ้น เปิดเสรีการค้ามากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้น นอกจากนี้

การเติบโตของเงินดิจิทัล

เมื่อช่วงปี 2009 Bitcoin มีมูลค่าเพียงแค่ 0.0007 ดอลลาร์สหรัฐ และได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญมาก ปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดสกุลเงินดิจิทัล มีมากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสกุลเงิน Bitcoin ในตอนนี้นั้นมีมูลค่าสูงถึง 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 หน่วย ปัจจุบันเศรษฐกิจระดับประเทศหลายหน่วยกำลังตัดสินใจความคิดที่จะพัฒนารูปแบบของตัวเอง

คลิกดูภาพ Infographic

ถึงแม้ว่าการทดลองเข้าสู่การจำลองการใช้งานระบบเงินดิจิทัลซึ่งพัฒนาขึ้นเอง จะเป็นครั้งแรกของจีน แต่ในประเทศอื่น หรือสถาบันอื่นก็ได้สร้างความเคลื่อนไหวสำคัญในด้านนี้เช่นกัน รองผู้อำนวยการธนาคารกลางแห่งรัสเซีย ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า “หน่วยงานกำกับดูแลของทุกประเทศเห็นพ้องกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาระบบสกุลเงินแห่งชาติ” ร้านค้ามากกว่า 260,000 แห่งในญี่ปุ่นจะเริ่มรองรับ Bitcoin อย่างถูกกฎหมายในฤดูร้อนนี้ และธนาคารขนาดใหญ่อย่าง Santander ก็ได้ประกาศแผนที่จะพัฒนาเงินดิจิทัลในรูปแบบของตัวเอง

เงินดิจิทัลนั้นไม่เพียงแค่มีศักภาพในการปฏิวัติโลกธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีการทำธุรกรรมทางการเงินอีกด้วย โดยในตอนนี้ได้มีการพูดคุยไปบ้างแล้วเกี่ยวกับการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการจัดการรายได้ขั้นพื้นฐานสากล เนื่องจากสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ รวมทั้งการจัดส่งความช่วยเหลือของมนุษย์ ดังเช่น การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในจอร์แดน โดยสหประชาชาติ

ที่มาของภาพและข่าว Futurism