ล่าสุด CNN ตัดสินใจย้ายจากการแข่งขันในระบบเคเบิ้ลและการถ่ายทอดสด ไปเป็นการพัฒนาระบบสตรีมมิ่ง เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้ชมที่หายไปจากการดูสื่อดั้งเดิมอย่างทีวี และเน้นการร่วมมือกับบริษัทเคเบิ้ลขนาดใหญ่ อย่าง Discover Inc.
เจฟฟ์ ซัคเกอร์ ประธาน CNN กล่าวในการประชุมกับพนักงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถึงการเจรจาแยก AT&T ออกจากบริษัทแม่อย่าง WarnerMedia แล้วรวมเข้ากับ Discovery ว่าจะไม่กระทบแผนการพัฒนาช่อง CNN+ ที่จะเริ่มให้บริการภายในปีหน้า และมั่นใจว่า CNN จะไม่แยกตัวออกจาก WarnerMedia แม้จะถูกเทคโอเวอร์โดย Discovery สำเร็จภายในปี 2022 ซึ่งบริษัท Discovery ผู้มีบทบาทในการควบรวมครั้งนี้คือเจ้าของช่องเคเบิลรายใหญ่ เช่น TLC, HGTV และ Food Network ดำเนินการโดย CEO เดวิด ซาสลาฟ
ซึ่งก่อนหน้านี้ คู่แข่งรายใหญ่ ๆ อย่าง Fox News และ NBC Universal ก็มีการพัฒนาระบบสตรีมมิ่งผ่าน Fox Nations และ Peacock ตามลำดับ โดย Peacock ก็จะมีทั้ง The choice ที่รวมข่าวความคืบหน้าและวิจารณ์ข่าว และ NBC News Now ที่เป็นช่องทางสตรีมมิ่งข่าว
สำหรับแผนการของทาง CNN+ ในตอนนี้ คือการทำเป็นแอพ stand-alone ที่แยกออกมาจากบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ของ WarnerMedia อย่าง HBO Max แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะมีการควบรวมเข้ากับบริษัทอื่นอีกหรือไม่
จากการควบรวมกับ Discovery ที่เกิดขึ้น ทาง CEO ซาสลาฟ ของ Discovery ได้กล่าวถึงความต้องการที่จะเร่งการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบสตรีมมิ่งของ CNN โดยระบบสตรีมมิ่งนี้จะไม่มีการเอาโปรแกรม prime time แบบบนทีวีมาฉาย แต่จะเน้นเป็น original content ของแพลตฟอร์ม คล้ายกับช่อง ESPN+
อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้บริหารยังไม่มีการตัดสินใจถึงราคาสมัครสมาชิกของ CNN+ นอกจากนี้ยังได้มีการพูดถึงเรื่องการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม โดยได้มีการพิจารณาที่จะเปิดกว้างเพื่อรองรับโฆษณาราคาถูก คล้ายกับใน Peacock และ Hulu ของ Walt Disney Co.
อ้างอิง : wsj.com
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด