
ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน งานสัมมนาก่อสร้างประจำปีของ Mango ครั้งที่ 6 จึงได้รวบรวมผู้บริหารจากหลากหลายวงการ มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและกลยุทธ์ เพื่อถอดรหัสการปรับตัวว่าจะอยู่รอดและเติบโตได้อย่างไรในสมรภูมิยุคใหม่
คุณอัญชลี วงศ์พินทุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมงโก้ คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้กล่าวเปิดงาน โดยเน้นว่าเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
‘วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ของระบบเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่คนในวงการมารวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวและประสบการณ์การฝ่าฟันวิกฤตที่ผ่านมาให้ทุกคนได้เรียนรู้แนวทางและกลยุทธ์ในการปรับตัว’ คุณอัญชลีกล่าว
พร้อมกับเปิดมุมมองว่าโจทย์สำคัญที่ลูกค้าเรียกร้องคือ ‘ความเร็ว’ ทั้งในการสรุปรายงานและการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งเป็นที่มาของการนำเทคโนโลยี AI และ OCR เข้ามาผสมผสานกับระบบ ERP เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ลดขั้นตอนการทำงานและทำให้ข้อมูลไหลเข้าระบบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างเฉียบคมและทันท่วงที
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบภายในและที่ปรึกษาการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) คุณสุธี ตาณวาณิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเอ ซิกเนเจอร์ จำกัด ได้ชี้ให้เห็นถึงจุดเสี่ยงที่เปรียบเสมือน ‘จุดตาย’ ของธุรกิจรับเหมา โดยย้ำว่าหัวใจสำคัญของ ‘การอยู่รอด’ คือ ‘การไม่รั่วไหล’ ซึ่งในธุรกิจก่อสร้างหมายถึงการป้องกันการรั่วไหลของทรัพยากรและรายได้ จุดรั่วไหลที่พบบ่อย เช่น การรับรู้รายได้ที่ไม่สอดคล้องกับความคืบหน้าโครงการ การจัดการ BOQ ที่ทำให้กำไรหดตั้งแต่ต้น การควบคุมสินค้าคงคลังและเศษซาก รวมถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส เมื่อฝ่ายจัดซื้อทำหน้าที่แค่ธุรการตามคำสั่งหน้างานก็มีโอกาสเกิดการคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่ไม่เป็นระบบ ซึ่งทั้งหมดนี้จะกัดกร่อนกำไรและความยั่งยืนของบริษัท
คุณสุธี จึงย้ำให้เห็นว่าองค์กรที่เตรียมตัวสำหรับการระดมทุนหรือ IPO ต้องมีระบบการควบคุมภายในที่ชัดเจน ทั้งในแง่การรับรู้รายได้ การเตรียมเงินเผื่อค่าใช้จ่ายจากการรับประกัน และการจัดการธุรกรรมกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความโปร่งใสและลดความเสี่ยงทางบัญชี
คุณณัฐนนท์ ศรีสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัททา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเน้นโครงการแนวราบในพื้นที่พัทยา สะท้อนภาพการปรับตัวของฝั่งอสังหาริมทรัพย์ว่า ‘เมื่อภาพการขายมันยากขึ้นบริษัทจึงต้องปรับตัว’
กลยุทธ์หลักที่นำมาใช้คือการหันมาเน้น ‘การให้เช่า’ มากขึ้น ทั้งการเช่าระยะสั้น (1 ปี) และระยะยาว (30 ปี) โดยคุณณัฐนนท์ ได้ให้ข้อคิดติดตลกว่าประเด็นสำคัญที่สุดของการเช่าก็คือ อย่าลืมเก็บค่าเช่าด้วย
นอกจากนี้ คุณณัฐนนท์ ยังชี้ให้เห็นถึงการมองหาโอกาสใหม่ๆ โดยสังเกตเห็นเทรนด์การเข้ามาของ ‘โรงเรียนนานาชาติ’ ในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มครอบครัวจากกรุงเทพฯ ที่มองหาบ้านพักตากอากาศ จึงใช้จุดนี้เป็นตัวดึงดูดลูกค้ากลุ่มผู้ปกครอง ทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่อาจยังไม่พร้อมซื้อให้ ‘ลองมาอยู่กับเราก่อน’ เพื่อทดลองใช้ Facility และสร้างความคุ้นเคย ซึ่งกลยุทธ์นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างรายได้จากการเช่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความผูกพันกับลูกค้าและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด
คุณณัฐนนท์ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจความต้องการเฉพาะกลุ่มเพื่อสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่ม เช่น ลูกค้าชาวยุโรปต้องการสระว่ายน้ำ ซึ่งจุดนี้จะเป็นรายละเอียดที่ช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น
คุณจารุวัตร จีระมานะพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท จีระธนา ก่อสร้าง จำกัด ยอมรับตรงๆ ว่าสถานการณ์แข่งขันในปัจจุบันโหดร้าย แต่ข้อได้เปรียบของผู้รับเหมาเล็กๆ คือความคล่องตัว เขายึดแนวทางลดต้นทุนอย่างเคร่งครัด วิเคราะห์กระบวนการทำงานเพื่อหา ‘จุดที่ Lean ได้’ และนำ Mango ERP เข้ามาช่วยลดการสูญเสียและต้นทุนทางธุรกิจ ซึ่งช่วยให้เสนอราคาต่ำลงและแข่งขันได้ในตลาด
นอกจากนี้ คุณจารุวัตร ยังเน้นการเสาะหาโอกาสใหม่ เช่นรับงานจากแหล่งใหม่ ๆ แต่ก็เตือนให้ระวังการทำงานกับลูกค้าที่มีความเสี่ยงด้านการเงิน เพราะการผิดนัดชำระหรือข้อพิพาทสามารถสร้างหนี้สูญและความเสียหายได้
ในฝั่งของธุรกิจพลังงานทดแทนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คุณปพัทธ์ อัญชุลีประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท เอโซลาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ชี้ว่าสมรภูมิ Solar Rooftop ในปัจจุบันนั้น ‘แดงเดือด’ ไม่แพ้ธุรกิจอื่น แต่หัวใจสำคัญคือการทำให้สินค้าถูก ดี และเข้าถึงได้เหมือนสุกี้ตี๋น้อย
คุณปพัทธ์ เล่าว่าโครงการโซลาร์เซลล์มีลักษณะเฉพาะคือระยะเวลาสั้นมาก บางโครงการจบในวันเดียว การนำระบบ ERP ที่มีโมดูลเฉพาะทางอย่าง PPN และ QCM เข้ามาใช้ จึงช่วยปฏิวัติกระบวนการตรวจสอบและส่งมอบงานที่เคยใช้กระดาษไปอย่างสิ้นเชิง ผลลัพธ์คือสามารถลดขั้นตอนและเวลาในการตรวจสอบหน้างานจากเดิมที่ใช้เวลา 1-2 วัน เหลือเพียงไม่ถึงชั่วโมง โดยทีมงานสามารถสรุปสถานะบน Dashboard ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เขาสามารถเห็นได้ทันทีว่างานไหนล่าช้าหรือยังไม่เสร็จ 100% ซึ่งช่วยให้ทีมเข้าไปจัดการปัญหาได้ทันเวลา และบริหารจัดการโครงการจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ. เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เริ่มด้วยการอธิบายว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีความซับซ้อนสูง ‘มีชิ้นส่วนการผลิตมากกว่า’ ธุรกิจการผลิตอื่นๆ
ดังนั้นการนำ ERP มาใช้จึงไม่ใช่เรื่องของการปรับตัวเพื่ออนาคต แต่มันคือการถอยหลังไปอดีต หมายความว่ามันคือสิ่งที่ทุกบริษัทก่อสร้าง ‘ต้องมี’ ถ้าไม่มีคงอยู่ไม่รอดมาถึงปัจจุบัน เพราะ ERP คือรากของกระบวนการคิดทั้งหมดที่ช่วยปิดจุดรั่วไหล
และเมื่อมองไปในอนาคต นพ. เชิดศักดิ์ชี้ว่าเทคโนโลยีอย่าง BIM และ AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ เขาเล่าว่าได้ลองถาม ChatGPT ว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มีโอกาสถูก Disrupt หรือไม่ ซึ่ง AI ตอบว่ามีโอกาสที่จะถูก Disrupt แน่นอน แต่นพ. เชิดศักดิ์ ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดอย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ ‘เราจะถูก Disrupt จากคนที่ใช้เทคโนโลยี’ หากองค์กรไม่ยอมหยิบจับเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้มาใช้
คุณชัชวาล วรศรีหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย บิม ยูสเซอร์ จำกัด ได้ฉายภาพอนาคตของการทำงานร่วมกันระหว่าง BIM และ ERP
คุณชัชวาล อธิบายว่าปัจจุบันข้อมูลจาก BIM และ ERP มักจะทำงานแยกส่วนกัน ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองเวลา นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ BIM จากต่างประเทศมักถูกออกแบบมาเพื่อสภาพแวดล้อมของต่างประเทศ พอมาใช้ในไทย ศักยภาพมันกลับไม่ตอบโจทย์
เขาและทีมงานจึงกำลังพัฒนาแพลตฟอร์มกลางที่จะเป็น ‘ศูนย์กลาง’ ในการดึงข้อมูลเชิงลึกจากแบบจำลอง 3 มิติ มาใช้เป็นแหล่งข้อมูลกลาง สำหรับการบริหารงานก่อสร้าง ไม่ใช่แค่เพื่อการออกแบบเท่านั้น โดยแพลตฟอร์มนี้จะทำหน้าที่จัดเรียง จัดประเภท และเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อส่งต่อให้ระบบ ERP อย่าง Mango ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด โดยมีหัวใจสำคัญ คือพนักงานยังคงสามารถ ‘ทำงานเหมือนเดิม’ ในส่วนของตน แต่ข้อมูลจะถูกจัดเรียงและส่งต่อไปยังส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ข้อมูลไหลจากแบบ (BIM) สู่การจัดซื้อ (ERP) การผลิต การติดตั้ง และการตรวจรับได้อย่างราบรื่น
‘ถ้าเราจัดการข้อมูลโดยการทำงานครั้งเดียว แล้วได้ข้อมูลที่ทุกฝ่ายต้องการออกไปได้ทีเดียวจะประหยัดเวลาอย่างแน่นอน’ คุณชัชวาล กล่าว ซึ่งนี่คือ ‘การประหยัดต้นทุนที่แท้จริง’ และเป็นเป้าหมายสูงสุดของการผสานเทคโนโลยีที่จะช่วยให้วงการก่อสร้างไปอีกระดับ
การเสวนาครั้งนี้ได้สะท้อนภาพอย่างชัดเจนว่า การอยู่รอดและเติบโตในวงการก่อสร้างยุคใหม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการเปิดรับเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด ตั้งแต่การวางรากฐานด้วยระบบ ERP ที่แข็งแกร่ง, การ Lean องค์กรเพื่อลดความสูญเปล่า, ไปจนถึงการมองไปข้างหน้าเพื่อนำ AI และ BIM เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน ซึ่งทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้เหล่า ‘Survivor’ สามารถยืนหยัดและเติบโตต่อไปได้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด