สื่อต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ พร้อมกับกรมสรรพกรสหรัฐ (IRS) ได้เรียกตัวสอบสวน Binance Holdings แพลตฟอร์มเทรดคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลก เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่ Binance อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมผิดกฎหมาย
โดยส่วนหนึ่งของการไต่สวนครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่มีข้อมูลเชิงลึกของ Binance แต่ไม่สามารถระบุนามได้เพราะต้องรักษาความลับของกระบวนการสอบสวน โดยระบุว่า Binance ได้ก่อตั้งในปี 2017 และเอาชนะคู่แข่งก้าวเอามาเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตเคอร์เรนซีอันดับ 1 ผ่านการนำของ Changpeng Zhao ผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ซึ่งมักจะโปรโมตเหรียญโทเค็นผ่านทาง Twitter และสัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ และ Binance เป็นบริษัทเทรดคริปโตเคอร์เรนซีแห่งเดียวที่ตั้งขึ้นในหมู่เกาะเคย์แมน และมีสำนักงานในสิงคโปร์ แต่บริษัทกลับระบุว่าไม่มีสำนักงานใหญ่เป็นหลักแหล่ง
ในประเด็นดังกล่าว เมื่อเราได้ตรวจสอบข้อมูล Binance ในสิงคโปร์พบว่า Binance Holdings Ltd. ได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการในสิงคโปร์ภายใต้กฎหมายการชำระเงินใหม่ของรัฐบาล โดยทางธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้มีการออกแถลงการณ์ระบุว่า ได้อนุญาตให้บริษัทด้านการเงินใหญ่หลายแห่ง เช่น Ripple, Coinbase และ Binance ดำเนินงานเพื่อให้บริการในด้านการชำระเงินแบบดิจิตอลในสิงคโปร์ต่อได้โดยไม่ต้องมี PSA license
ดังนั้นตามที่ MAS ประกาศ ทำให้ Ripple Labs Singapore, Coinbase Singapore และ Binance Asia Services สามารถเปิดให้บริการต่อได้โดยไม่ต้องมี PSA license จนถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2020 ทั้งนี้ MAS ระบุว่าการยกเว้นจะสิ้นสุดลง หลังจากถึงระยะเวลาที่กำหนด หรือหากมีการยื่นขอใบอนุญาตภายใต้ PSA
ขณะที่ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Chainalysis หน่วยงานวิเคราะห์ระบบบล็อกเชน ซึ่งได้ติดตามธุรกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะธุรกรรมบิทคอยน์ผิดกฎหมายกว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์ ได้พบว่าส่วนหนึ่งของธุรกรรมนี้จำนวน 27% หรือ 756 ล้านดอลลาร์ได้หลั่งไหลลงแพลตฟอร์ม Binance มากกว่าแหล่งเทรดคริปโตเคอร์เรนซีแห่งอื่น
ด้านของ Binance ได้ออกมากล่าวว่า ตนพร้อมติดตามการสอบสวนครั้งนี้ และให้ความร่วมมือกับทาง Chainalysis ในการตรวจสอบเพื่อปรับปรุงระบบของ Binance ให้ดีขึ้น โดย Jessica Jung โฆษกประจำบริษัท Binance ได้ออกมาระบุในอีเมลว่าทางบริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหรัฐ อีกทั้งทางบริษัทได้ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างข้อปฏิบัติร่วมกันเพื่อป้องกันการฟอกเงิน และใช้เครื่องมือเทคโนโลยีขั้นสูงในการวิเคราะห์ ตรวจจับ และจัดการกับธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัย
ส่วนความเคลื่อนไหวของ Changpeng Zhao CEO ของ Binance ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Twitter โดยระบุว่า หัวข้อข่าวอาจส่งผลให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดได้ เพราะตามรายละเอียดแล้ว Binance ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกฎหมายเป็นอย่างดี แต่ด้วยหัวข้อดังกล่าวทำให้ Binance เสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาในทางที่เสื่อมเสียได้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลของทางการสหรัฐ ที่เกรงว่าสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีอาจถูกใช้ขึ้นเพื่อปิดบังธุรกรรมการเงินที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมหรือการซื้อขายยาเสพติด รวมไปถึงกรณีที่ชาวอเมริกันต้องการหลีกหนีการชำระภาษีผ่านการใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว สาเหตุดังกล่าวจึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีในการกลายเป็นกระแสหลัก ต่อให้ตลาดหุ้นสหรัฐจะยอมรับสกุลเงินบิทคอยน์และซื้อขายเหรียญโทเคนอย่างจริงจังก็ตาม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด