จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ? ล่าสุด Disney+ ประกาศเดินหน้ายกเลิกการแชร์รหัสผ่านในปีนี้ แต่ก็ประกาศข่าวดีไปพร้อม ๆ กัน ว่าจะมีภาพยนตร์คอนเสิร์ต Eras Tour ของ Taylor Swift มาลงบนแพลตฟอร์มในเดือนมีนาคมนี้เช่นเดียวกัน
หลังไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 ทาง Disney+ สูญเสียสมาชิกไปกว่า 1.3 ล้านราย เนื่องจากการขึ้นราคาในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ทาง Disney+ ตั้งเป้าจะทำกำไรให้ได้ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2024 ซึ่งคาดว่า การยกเลิกแชร์รหัสผ่าน จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเจ้านี้ใช้ทำกำไร
Hugh Johnston ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Disney เผยว่า แพลตฟอร์มตรวจพบสมาชิกที่ใช้แพ็กเกจแบบแชร์รหัสผ่าน แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกันเป็นจำนวนมาก ด้านบริษัทจึงตัดสินใจจะปรับกฏการแชร์รหัสผ่านใหม่ คือ ผู้ใช้งานที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันจะสามารถใช้งานแพ็กเกจนี้ได้ก็ต่อเมื่อชำระเงินเพิ่ม (แต่ยังไม่ได้เปิดเผยราคาที่แน่นอน)
Disney ชี้ว่า กฎเกณฑ์ใหม่นี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของพวกเขามียอดสมาชิกเพิ่มมากขึ้น สำหรับการประกาศใช้ สมาชิกใหม่ จะเริ่มใช้กฎนี้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2024 เป็นต้นไป และสมาชิกเก่า / สมาชิกปัจจุบัน จะเริ่มใช้กฎนี้ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2024
ประจวบเหมาะกับข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เมื่อ Disney+ ประกาศว่าภาพยนตร์คอนเสิร์ต Eras Tour ของ Taylor Swift จะมาลงบนแพลตฟอร์มในวันที่ 15 มีนาคม 2024 นี้ หรือนี่จะเป็นการบังคับกลาย ๆ ว่าถ้าอยากดูคอนเสิร์ต Taylor Swift ก็คงต้องเสียเงิน Subscribe ต่อไป
แล้วแบบนี้กำไรจะไปไหนได้ ?
จากปรากฏการณ์ Taylor Swift Effect เมื่อปี 2023 จากการประกาศทัวร์ The Eras Tour ที่กระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก เช่น ตั๋วเครื่องบิน ยอดจองโรงแรม การช้อปปิ้งและเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ที่เดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตให้มียอดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น โดยทำรายได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท)
รวมถึง ธนาคารกลางแห่งฟิลาเดลเฟีย (The Federal Reserve Bank of Philadelphia) ยังประเมินว่า คอนเสิร์ต Eras Tour ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ อยู่ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.7 แสนล้านบาท)
เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลของ Taylor Swift ก้าวไปไกลกว่าแค่ชื่อเสียงศิลปินและวงการดนตรี แต่ยังสามารถสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญมาสู่เมืองและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งค่าดวา Disney+ ก็คงเล็งเห็นถึงอิทธิพลนี้ด้วย
อ้างอิง: theverge, variety, cnbc, bbc
*ลงแค่ Disney+ เท่านั้น ฝั่ง Disney+Hotstar ยังคงต้องรอประกาศต่อไป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด