ยังไม่ถึงครึ่งปี ข่าวการพัฒนา AI แรงเกินต้านจริงๆ ล่าสุด Salesforce องค์กรที่ให้บริการโซลูชันส์ต่าง ๆ ผ่านระบบคลาวด์ ประกาศเปิดตัว Einstein GPT ฟีเจอร์ใหม่ที่นำ Genarative AI มาช่วยในการบริการและดูแลลูกค้า เรียกได้ว่าเป็น Generative AI เพื่อธุรกิจ Customer Relationship Management (CRM) ตัวแรกของโลก
Einstein GPT เป็นนวัตกรรมเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดของ Einstein ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ของเซลส์ฟอร์ซที่สร้างการคาดการณ์หรือ Predictions กว่า 215 พันล้านครั้งต่อวันบนระบบ CRM หรือ การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ แบบเรียลไทม์อย่าง Customer 360 ซึ่งการ 'ผสานโมเดล AI ของ Einstein เข้ากับ ChatGPT' หรือโมเดลภาษาชั้นนำอื่น ๆ ลูกค้าสามารถใช้ Natural-Language Prompts ภายใต้ระบบข้อมูล CRM เพื่อเข้าใช้งานระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาและสร้างคอนเทนต์ได้เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น
สำหรับข้อความหรือคำตอบใดๆ ที่ Einstein GPT สร้างขึ้น ผ่านการรวบรวมข้อมูลจาก 'ระบบนิเวศทางธุรกิจของพันธมิตรเซลส์ฟอร์ซ' ที่ผสานเข้ากับ 'ข้อมูลของลูกค้าที่มีอยู่แบบเรียลไทม์จากแพลตฟอร์ม Salesforce Data Cloud' แล้วเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดเข้ากับ 'OpenAI' หรือโมเดลอื่น ๆ ที่แต่ละธุรกิจใช้อยู่ในปัจจุบัน ต่อมาจึงป้อนคำสั่งแบบ Natural-language prompts ของ Salesforce CRM เพื่อสร้างเป็นคอนเทนต์หรือข้อความได้อัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมี ChatGPT for Slack โดย OpenAI ที่ Salesforce และ OpenAI ร่วมกันเปิดตัวฟังก์ชัน ChatGPT บนแอปพลิเคชัน Slack ซึ่งฟังก์ชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ จะเข้ามามีบทบาทในการสรุปและวิเคราะห์การสนทนาในแอป Slack อีกทั้งเป็นเครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูลในหัวข้อต่าง ๆ ไปจนถึงเป็นตัวช่วยในการร่างข้อความได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Einstein GPT ยังคงอยู่ระหว่างการทดสอบ และในขณะที่ AI ได้รับการพัฒนาการอย่างรวดเร็ว รบส สุวรรณมาศ ผู้นำด้านโซลูชัน เซลส์ฟอร์ซ ประเทศไทย เผยว่า ทางบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ก่อน แต่ถามว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้หรือไม่ ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ นอกจากนี้ ประสิทธิภาพและประโยชน์ของ Generative AI ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในการปรับปรุงกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้า กำลังเป็นที่พูดถึงในกลุ่มลูกค้าของเซลส์ฟอร์ซ อาทิ HPE, L’Oréal, RBC US Wealth Management, S&P Global Ratings
มาร์ก เบนิออฟ ซีอีโอ เซลส์ฟอร์ซ กล่าวว่า โลกกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่จากการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้นของเทคโนโลยีเรียลไทม์และ Generative AI ซึ่งเทคโนโลยีทั้งสองเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเข้าถึงลูกค้า ผ่านเทคโนโลยีอันเป็นอัจฉริยะ อัตโนมัติ และตรงต่อความต้องการเฉพาะบุคคล และนั่นคือ Einstein GPT
Einstein GPT ทำงานโดยนำข้อมูลจาก Data Cloud ผสานเข้ากับระบบคลาวด์ทั้งหมดของเซลส์ฟอร์ซ รวมไปถึง Tableau, MuleSoft, และ Slack เพื่อเปิดประตูสู่อนาคตของการใช้งาน AI สำหรับลูกค้าทั้งหมดของเรา และเซลส์ฟอร์ซยังได้มีการทำงานร่วมกันกับ OpenAI อีกด้วย
มาร์กยังบอกอีกว่า เซลส์ฟอร์ซกำลังทำงานร่วมกับ OpenAI เพื่อผสานเทคโนโลยี ChatGPT ระดับองค์กรของ OpenAI เข้ากับโมเดล AI ส่วนบุคคลของเซลส์ฟอร์ซ เพื่อสร้างนวัตกรรมที่จะช่วยสร้างคอนเทนต์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการ แต่ยังเชื่อถือได้ผ่าน AI
จากข้อมูลของ Salesforce ที่ช่วยให้บริษัททุกขนาดและทุกอุตสาหกรรมใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อกับลูกค้าได้หลากรูปแบบ ไม่ว่าจะผ่าน คลาวด์ โมบายล์ โซเชียล ปัญญาประดิษฐ์ เสียง และบล็อกเชน โดยมีแบรนด์มากมายที่เป็นลูกค้า เช่น CardX, เงินติดล้อ, ไปรษณีย์ไทย, Finnomena, Bitkub, วิริยะประกันภัย, King Power, โลตัส (Lotus’s), มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล (Miss Grand International)
อามิท ซัคซีน่า รองประธาน เซลส์ฟอร์ซ ภูมิภาคอาเซียน บอกว่า Salesforce เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากมีองค์กรอีกมากที่ต้องใช้เทคโนโลยีช่วยในการเปลี่ยนผ่านและขับเคลื่อนธุรกิจ และการจัดตั้งสำนักงานในไทยเป็นแห่งที่สองในอาเซียน ต่อจากสิงคโปร์ จะช่วยเพิ่มทักษะดิจิทัลให้แก่คนไทย เพิ่มอัตราการจ้างงานอีก 31,200 ตำแหน่ง ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ธุรกิจใหม่จะทำให้บริษัทมีรายได้ 1.7 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งรายได้ทุกๆ 1 ดอลลาร์ของ Salesforce จะช่วยให้พันธมิตรในระบบนิเวศมีรายได้ 6.28 ดอลลาร์ ภายในปี 2026 (Source: IDC White Paper, sponsored by Salesforce, “The Salesforce Economic Impact,” doc #US48214821, September 20, 2021.)
ที่ผ่านมา Salesforce ใช้วิธีเช่าพื้นที่ Co-working Space ให้ทีมงาน ไม่ได้สร้างสำนักงานเป็นหลักแหล่งในประเทศไทย จนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงได้ฤกษ์ประกาศเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ในตึก Silom Edge และแม้ว่าจะมีสำนักงานของตัวเองแล้ว แต่ Salesforce ก็ยังคงสานต่อนโยบายการทำงานแบบ Hybrid จากช่วงโควิด พนักงานจึงปรับตัวตามเนื้องานและลูกค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น
อามิทบอกอีกว่า สำนักงานแห่งใหม่นี้ออกแบบเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกัน ทั้งระหว่างพนักงาน ลูกค้า ตลอดจนคู่ค้าของ Salesforce และเอื้อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และนอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแนวทางการออกแบบสำนักงานแห่งอื่น ๆ ของ Salesforce ทั่วโลก ที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้วย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด