เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา Elon Musk โพสต์คลิปวิดีโอ ประกาศผ่าน Twitter ส่วนตัวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโลโก้แพลตฟอร์มจาก Twitter เป็น X เหตุผลในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้วันนี้ Techsauce จะพามาเจาะลึกว่าทำไมถึงต้องเป็น X
นับตั้งแต่ Elon Musk ประกาศซื้อกิจการของ Twitter จนถึงปัจจุบันการประกาศเปลี่ยนโลโก้ จากรูป “นกสีฟ้า” กลายมาเป็น X ทันทีพร้อมกับจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น X Corp
การเปลี่ยนจากนกฟ้ากลายมาเป็น X เป็นความตั้งใจที่ Elon Musk ต้องการสร้างแอปพลิเคชั่นแบบ SuperApp
นับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มอย่าง Zip2 ในตอนที่ Elon Musk อายุเพียง 28 ปี ที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงใน Silicon Valley ในช่วงต้นปี 1999 Elon Musk มีความตั้งใจที่จะสร้าง แพลตฟอร์มการเงินเต็มรูปแบบแต่ปัญหาก็คือชื่อของแพลตฟอร์มควรจะชื่ออะไรจนเกิด X.com
ความเห็นของ Julie Anderson Ankenbrandt อดีตผู้บริหารของ PayPal กล่าวว่า ที่มาของชื่อนี้ถือกำเนิดขึ้นในบรรยากาศคลาสสิกของ Silicon Valley ซึ่งก็คือคาเฟ่
Elon กับผู้ก่อตั้งบริษัทคนอื่นๆ รวมถึงฉันนั่งรอบโต๊ะในห้องจัดเลี้ยงที่บาร์ชื่อ Blue Chalk (Cafe) ใน Palo Alto พยายามตัดสินใจว่าชื่อบริษัทควรจะเป็นชื่ออะไร
Ankenbrandt พนักงานเสิร์ฟ เขียนโพสต์บน Quora ในปี 2016
ในตอนนั้น Elon Musk ถามกับพนักเสิร์ฟอย่าง Ankenbrandt ให้แสดงความเห็นเรื่องชื่อบริษัท ควรใช้ชื่อว่าอะไรดี เธอก็บอกว่าเธอชอบชื่อ “X.com” ซึ่ง Elon Musk ก็ชอบชื่อนี้ด้วย แม้ว่า ในตอนแรกผู้บริหารร่วมจะไม่ค่อยชอบเนื่องจากกังวลว่าอักษร “X” จะไปเกี่ยวข้องกับสื่อลามกแต่สุดท้ายชื่อนี้ก็ได้ถูกนำไปใช้จริงในเวลาต่อมา
หลังจากก่อตั้งบริษัทและเปิดตัวแพลตฟอร์มในชื่อ “X.com” ในช่วงปลายปี 1999 จนกระทั่งควบรวมกิจการกับคู่แข่งอย่าง Confinity และมี Peter Thiel และ Max Levchin เข้ามาร่วมก่อตั้งและชื่อนี้ก็ส่งผลให้ Elon Musk ถูกขับไล่ออกจาก CEO ในปลายปี 2000 จนกระทั่งรีแบรนด์ กลายเป็น PayPal
แม้ว่าพนักงานบริษัทและผู้บริหารในตอนนั้นจะไม่ค่อยชอบชื่อ X.com แต่ก็ไม่ใช่กับ Elon Musk ที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งในปี 2017 Elon Musk จึงทำการซื้อโดเมน X.com จาก PayPal แม้จะไม่มีการ เปิดเผย มูลค่าของโดเมนที่ซื้อไป Elon Musk ยังทวีตใน Twitter ว่าชื่อนี้มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับเขา และการเข้าซื้อ Twitter จะกลายเป็นตัวเร่งสำหรับการสร้างแอปพลิเคชั่น X ที่จะเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับทุกอย่าง
ภาพจาก : Twitter ของ Elon Musk
ที่มา: Business Insider, TechCrunch
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด