
ตลอดทั้งปี 2025 ตัวเลขเด็กจบใหม่ว่างงานพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากังวล ทั้งที่บริษัทส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไล่คนออก แต่เหมือนมี ‘กำแพง’ บางอย่างกั้นไม่ให้คนกลุ่มนี้เข้าสู่ตลาดงาน และต้นตอของปัญหาอาจไม่ได้มาจาก AI แบบที่ได้ยินบ่อย ๆ ว่าจะมาแย่งงาน แต่มาจากโครงสร้างตลาดที่กำลังเข้าสู่สภาวะ ‘แช่แข็ง’
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยอมรับว่าตลาดแรงงานตอนนี้อยู่ในสภาวะ “low firing, low hiring” แปลง่ายๆ คือ ไม่ไล่ออก แต่ก็ไม่จ้างคนเพิ่ม
คือสภาวะที่องค์กรต่างๆ เลือกที่จะ "เก็บคนเก่าไว้" เพราะไม่อยากเสียพนักงานที่มีประสบการณ์ไป แต่ก็ไม่พร้อมที่จะเสี่ยงลงทุนกับพนักงานใหม่เช่นกัน ส่งผลให้ตลาดแรงงานแทบจะหยุดนิ่ง ไม่มีการหมุนเวียน คนที่อยู่ข้างในก็อยู่ต่อไป ส่วนคนใหม่ๆ โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ก็หาทางเข้าไม่ได้
ข้อมูลจาก Goldman Sachs ยืนยันว่าตอนนี้การหมุนเวียนตำแหน่งงานอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทำให้การหางานใหม่ในปัจจุบันใช้เวลานานกว่าเดิมจากเฉลี่ย 10 สัปดาห์ ในปี 2019 กลายเป็น 12 สัปดาห์ ในปี 2025 และดูเหมือนจะนานขึ้นเรื่อยๆ
นักเศรษฐศาสตร์จาก UBS ชี้ว่าปัญหานี้เกิดขึ้นหนักเฉพาะใน ‘สหรัฐอเมริกา’ เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ทั้งยุโรป อังกฤษและญี่ปุ่น ตลาดแรงงานอยู่ในทิศทางที่ดี ทำให้สะท้อนได้ว่าปัญหาไม่ได้มาจาก AI ที่ใช้กันทั่วโลก แต่มาจากโครงสร้างตลาดแรงงานเฉพาะของอเมริกาเองล้วน ๆ
ที่น่าสนใจก็คือ เด็กจบใหม่กลับได้รับผลกระทบหนักกว่าคนที่จบมัธยมหรือไม่ได้เรียนต่อ เพราะแรงงานสายอาชีพส่วนใหญ่หางานได้กันไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่พอถึงช่วงที่เด็กจบใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาด บริษัทกลับไม่รับพนักงานเพิ่ม แม้ว่าต่อมาจะเริ่มเปิดรับสมัครอีกครั้ง ตำแหน่งระดับจูเนียร์ที่เหมาะกับเด็กจบใหม่ก็แทบไม่มีให้แล้ว เพราะส่วนใหญ่เปิดรับเฉพาะคนที่มีประสบการณ์ในระดับซีเนียร์แทน
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนกลับไปช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (2007–2011) บัณฑิตที่จบในช่วงนั้นก็เคยเจอปัญหาเดียวกัน รายได้ของพวกเขาต่ำกว่าคนที่จบในช่วงเวลาปกติ และช่องว่างนี้กลายเป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า ‘scarring effects’ หรือรอยแผลทางเศรษฐกิจ ที่อาจทำให้พวกเขามีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าเพื่อนร่วมรุ่นไปอีก 10–15 ปี
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าความเสี่ยงที่คนกลุ่มนี้กำลังเผชิญอยู่นั้นรุนแรงกว่าที่เห็น การเริ่มต้นอาชีพในภาวะนี้ไม่ใช่แค่การว่างงานชั่วคราว แต่มันคือการพลาด ‘บันไดขั้นแรก’ ของชีวิตการทำงาน ซึ่งจะทิ้ง scarring effects หรือ รอยแผลระยะยาวที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และความมั่นคงได้
อ้างอิง: fortune
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด