Glassdoor เว็บไซต์หางานยอดนิยมในสหรัฐ เผยชื่อ 100 บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดของปี 2023 ปรากฎว่าปีนี้ไม่มีชื่อของ Apple และ Meta ถือเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปี ที่สองยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีหลุดโผ
ทุก ๆ ปี Glassdoor จะมีการจัดอันดับบริษัทที่น่าทำงานที่สุด 100 แห่ง โดยเลือกบริษัทที่มีพนักงานอย่างน้อย 1,000 คน และดึงข้อมูลการวิจารณ์บริษัทที่อยู่ในเว็บไซต์มา 75 ชิ้น พิจารณาจาก โอกาสความก้าวหน้าในสายอาชีพ, ค่าตอบแทน, วัฒนธรรม, การบริหาร, ความสมดุลในชีวิตการทำงาน หรือ Work life balance และปัจจัยอื่น ๆ
นอกจากนั้น นักวิจัยของ Glassdoor ได้สำรวจความเห็นของพนักงานหลายล้านคนและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทที่ส่งมาบนเว็บไซต์ระหว่างเดือนตุลาคม 2021 ถึงตุลาคม 2022 เพื่อจัดทำออกมาเป็นรายงาน ทุกบริษัทจะมีคะแนนเต็ม 5
บริษัทที่ได้คะแนนดี หมายถึงการทำงานในบริษัทนั้นมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ, มีสวัสดิการด้านการดูแลสุขภาพที่แข็งแกร่ง, ทำงานแบบทางไกลหรือผสมผสาน ,มีการสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใสระหว่างผู้นำระดับสูงและพนักงาน รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆ
1. Gainsight
2. Box
3. Bain & Company
4. McKinsey & Company
5. NVIDIA
6. MathWorks
7. Boston Consulting Group
8. Google
9. ServiceNow
10. In-N-Out Burger
11.HubSpot
12.Slalom
13.Microsoft
14.Adobe
15.CrowdStrike
16.Medical Solutions
17.Berkshire Hathaway HomeServices
18.Fidelity Investments
19.LinkedIn
20. eXp Realty
นอกจากการหายหน้าไปของ Apple และ Meta ที่น่าสนใจคือ In-N-Out Burger ร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง ยังอยู่ในอันดับที่ดีกว่ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Microsoft ซะอีก
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผู้คนอยากทำงานในบริษัทใดสักแห่ง มักจะมองหางานที่จ่ายค่าจ้างสมเหตุสมผล เพื่อนร่วมงานไม่ต้องดีก็ได้ แต่ขอให้ไม่แย่เกินไป เอาแบบที่ว่าพอทนได้ และมีความเสี่ยงน้อยที่จะถูกเลิกจ้าง รวมถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่น และบริษัทสนับสนุนทรัพยากรด้านสุขภาพจิตของพนักงาน
แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในช่วงปีนี้จะมีความวุ่นวาย จากการเลิกจ้างครั้งใหญ่ การตัดต้นทุน ลดงบประมาณ แต่ด้วยวัฒนธรรมการทำงานที่ยืดหยุ่นและโอกาสในการทำงานที่หาที่ไหนไม่ได้ ทำให้ผู้คนยังมองว่าบริษัทเทคโนโลยีน่าทำงานอยู่ โดยคิดเป็น 40% จากรายชื่อบริษัททั้งหมด บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Microsoft, LinkedIn และ Google ต่างก็อยู่ในโผ 20 อันดับแรก
Daniel Zhao หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ Glassdoor กล่าวว่า “พนักงานจำนวนมากในบริษัทเทคโนโลยีพูดถึงความรู้สึกภาคภูมิใจและการตระหนักรู้ในเป้าหมายของการทำงาน ที่พวกเขารู้สึกว่าได้ทำงานกับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่าง ๆ เหล่านี้” เขากล่าวเสริม
“โอกาสที่ได้ออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน ตลอดจนผู้นำที่ดึงดูดและเป็นแรงบันดาลใจของบริษัทเหล่านี้ ปัจจัยทั้งหมดดึงดูดผู้คนให้เข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง”
และถึงแม้จะมีอัตราการเลิกจ้างสูง หลายบริษัทที่ยังได้คะแนนดีจากการจัดอันดับ มาจากการที่พวกเขาชัดเจนกับการคัดคนออก กล่าวคือ มีการติดตามประวัติการทำงานที่ชัดเจน มีความโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีการและสาเหตุที่เลิกจ้างพนักงาน เมื่อจะเลิกจ้างพนักงาน ก็แจ้งอย่างถูกกาละเทศและด้วยความเคารพ และสุดท้ายคือพร้อมจ่ายเงินชดเชยหนัก
ปีที่แล้ว Apple อยู่ในอันดับที่ 56 และ Meta อยู่ในอันดับที่ 47 แต่ในปีนี้ทั้งสองบริษัทกลับตกสำรวจ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ Apple ไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี้และเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการจัดอันดับมา ส่วน Meta นั้นก็อยู่ในรายชื่อนี้มาตั้งแต่ปี 2011 แต่ปีนี้ก็หายหน้าไป
Daniel Zhao หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ Glassdoor กล่าวว่า ไม่ใช่สองบริษัทนี้ไม่ดี แต่ในการจัดอันดับปีนี้มันมีการแข่งขันที่สูง และยังมองว่าทั้งสองบริษัทกำลังเผชิญกับความท้าทาย ทำให้พนักงานของทั้งสองบริษัทอยู่บนความไม่แน่นอน
“ปีที่แล้ว Apple ได้ผลักดันให้พนักงานกลับเข้าไปทำงานที่สำนักงาน และมีกระแสตอบสนองจากพนักงานที่หลากหลาย และสำหรับ Meta พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ เราเห็นจากคำวิจารณ์ของพนักงาน พวกเขายังไม่แน่ใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
การขอให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศของ Apple ทำให้พนักงานบางส่วนออกมาต่อต้าน พนักงาน 67% ไม่พอใจกับนโยบายดังกล่าว และ 56% แสดงความต้องการลาออกจากบริษัท
ในฝั่งของ Meta การประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่า 11,000 คน ซึ่งเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทและยังมีแนวโน้มที่จะเลิกจ้างอีก พนักงานยังแสดงความกังวลกับการที่ Mark Zuckerberg ให้ความสำคัญกับ metaverse มากเกินไปด้วย
อ้างอิง : CNBC , Business Insider , Glassdoor
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด