ความต่างของวัฒนธรรมและภาษา ทำให้ลักษณะการเสิร์ชหาข้อมูลของผู้ใช้มีรูปแบบที่แตกต่างกัน Google วางแผนจัดตั้ง “Development Local Team” มุ่งศึกษาการใช้งานในในเชิงพื้นที่ อัตลักษณ์วัฒนธรรมและความแตกต่างของผู้ใช้งาน เพื่อปรับแต่งบริการให้เข้ากับลักษณะนิสัยและบริบทที่แตกต่างกัน ปักหมุดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใกล้เคียงที่กำลังมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายใหม่จากภูมิภาคดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ Google มีทีมพัฒนาท้องถิ่นในญี่ปุ่นและอินเดีย ซึ่งกำลังปรับปรุงในส่วน Search Services หรือบริการค้นหาให้เหมาะกับผู้ใช้ชาวญี่ปุ่น หนึ่งในเป้าหมายของทีมคือการนำเสนอผลลัพธ์ ‘คำแนะนำในการค้นหา’ ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
Prabhakar Raghavan รองประธานอาวุโส Google ผู้รับผิดชอบผลิตภัณฑ์ Google Search, Google Assistant, Google Ads , Google Commerce และ Google Payments กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับการใช้งานในสหรัฐอเมริกานั้นไม่อาจแปรผลได้ตรงตามวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการออกแบบเพื่อผู้ใช้งานทุกพื้นที่ เราต้องลงทุนในความเข้าใจวัฒนธรรมให้ทั่วทุกพื้นที่”
ยกตัวอย่าง ผู้ใช้งานญี่ปุ่น มักจะป้อนข้อความค้นหาที่สั้นกระชับมากกว่าผู้ใช้งานประเทศอื่น ซึ่งแตกต่างกับอินเดียที่ตรงกับกันข้ามกับญี่ปุ่นที่มักป้อนคำค้นหาเป็นข้อความหรือคำพูดในรูปแบบที่ค่อนข้างยาวมาก โดยเฉพาะที่อินเดียมีการใช้ภาษาที่แตกต่างกันกว่า 20 ภาษาในแต่ละจังหวัดและมีการใช้รูปแบบคำศัพท์ที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญของ Google ที่จะต้องพัฒนาระบบให้รู้จักคำพูดที่ซับซ้อน ในบางประเทศจจึงต้องมีทีมท้องถิ่นที่ปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมและสังคมท้องถิ่นนั้น ๆ
จากข้อมูลของ Google ในปี 2021 ประชากรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 75% โดยเพิ่มขึ้น 40 ล้านคนในปีที่แล้วและเติบโตขึ้นอีกเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว “หากคุณดูประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย พวกเขามีประชากรอายุน้อยมาก และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใหม่เกือบทั้งหมดในโลกมาจากประชากรเหล่านั้น” Raghavan กล่าว
ในขณะเดียวกัน รายได้สุทธิของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ลดลง 14% จากปีก่อนหน้าเป็น 16 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสามเดือนถึงเดือนมิถุนายน เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจโฆษณาหลักชะลอตัวท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และยังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจาก ByteDance ของจีนที่กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากแอปวิดีโอแบบสั้น TikTok ที่สามารถดึงดูดผู้ใช้จากทั่วโลก และถึงแม้ว่า จะผลสำรวจเปิดเผยว่า คนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปใช้ Tiktok ในการค้นหาข้อมูลทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม Google ยังมั่นใจว่าผู้ใช้ยังคงใช้บริการค้นหาของ Google เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่แชร์ผ่านวิดีโอขนาดสั้นอีกครั้งอยู่ดี และเน้นว่าบริการยังคงมีสถานะที่แข็งแกร่ง
สำหรับการจัดการกับกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในการปกป้องความเป็นส่วนตัวทั่วโลก Raghavan กล่าวว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ในขณะที่ยังมีโฆษณาที่เกี่ยวข้องอยู่นั้นเป็นเทคนิคที่เราพัฒนาขึ้นโดยใช้ AI เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อรักษาผลกระทบต่อผู้ใช้งาน โดยวางแผนที่จะเปลี่ยนกลยุทธ์ในอีกไม่กี่ไตรมาสนี้”
Prabhakar Raghavan เป็นหนึ่งในหน่วยงานระดับแนวหน้าของ Google Search ก่อนหน้านี้ เขาดำรงตำแหน่งรองประธานของ Google Apps, Google Cloud ที่ดูแลด้านวิศวกรรม พัฒนา ผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของผู้ใช้ ภายใต้การนำของเขา ธุรกิจ Apps ของบริษัททำให้ผลิตภัณฑ์พัฒนาไปสู่โซลูชันที่ใช้ในระดับองค์กรที่เป็นส่วนสนับสนุนหลักในธุรกิจระบบคลาวด์ของ Google นอกจากนี้ เขายังพัฒนาทั้ง Gmail และ Drive และแนะนำฟีเจอร์ AI ใน G Suite ซึ่งรวมถึง Smart Reply, Smart Compose, Drive Quick Access ซึ่งแต่ละอย่างนำไปสู่การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ที่วัดผลได้ในปัจจุบัน
อ้างอิงข้อมูลจาก
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด