Google Maps ฉลองครบรอบ 15 ปีหลังจากที่เริ่มทำแผนที่โลกตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา โดย Google Maps เป็นมากกว่าแค่แผนที่ธรรมดา นอกจากการนำทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการแล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถสำรวจสถานที่และช่วยให้ผู้คนทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ Google Maps กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก 

วันนี้ Google Maps ได้ประกาศปรับโฉมครั้งใหญ่ อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่พัฒนามาจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้ บน Android และ iOS โดยจะมี 5 แท็บหลัก ได้แก่ Explore (สำรวจ) Commute (การเดินทาง) Saved (บันทึก) Contribute (การมีส่วนร่วมของคุณ) และ Updates (อัปเดต)

• Explore (สำรวจ): รวบรวมข้อมูลของสถานที่ การให้คะแนน การแสดงความคิดเห็นหรือรีวิวจากผู้ใช้จริง ของสถานที่ต่างๆ กว่า 200 ล้านแห่งทั่วโลก 
• Commute (การเดินทาง): แสดงเส้นทางที่ดีที่สุด และสามารถกำหนดเส้นทางประจำวันเพื่อรับข้อมูลสภาพจราจรแบบเรียลไทม์ และเวลาที่ใช้ในการเดินทาง รวมถึงคำแนะนำเส้นทางทั้งหมด ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือผ่านระบบขนส่งสาธารณะ
• Saved (บันทึกไว้): ผู้ใช้สามารถบันทึกสถานที่ที่อยากไปเอาไว้ทั้งหมดในที่เดียว และสามารถค้นหา วางแผนการเดินทางล่วงหน้า
• Contribute (การมีส่วนร่วมของคุณ): ในแต่ละปีมีผู้ใช้หลายร้อยล้านคนช่วยอัปเดตข้อมูลใน Google Maps โดย ข้อมูลจะแจ้งเกี่ยวกับสถานที่ในท้องถิ่น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับถนนและที่อยู่ของสถานที่ต่างๆ สถานที่ที่ไม่ปรากฏบนแผนที่ การแสดงความคิดเห็นและการเพิ่มรูปภาพ 
• Updates (อัปเดต): แท็บนี้จะแสดงสถานที่ที่กำลังเป็นที่นิยมใหม่ และสถานที่ที่ไม่ควรพลาดจากผู้เชี่ยวชาญและสื่อชั้นนำ รวมถึงสามารถสอบถามข้อมูลจากเจ้าของธุรกิจได้โดยตรง 

Google Maps ยังได้ปรับโฉมไอคอนใหม่ ให้สะท้อนถึงวิวัฒนาการในการทำแผนที่โลกของ Google โดยปรับจากไอคอน "หมุด" สีแดง เป็นหมุดที่รวบรวมขึ้นมาจากหลากหลายสี แสดงถึงการพัฒนาฟีเจอร์อื่นๆ เพื่อช่วยค้นหาสถานที่และประสบการณ์ใหม่ๆ 

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี Google Maps ก็จะเปลี่ยนลูกศรนำทางเป็นรูปรถยนต์ เป็นเวลาจำกัดด้วย 

ฟีเจอร์ผู้ช่วยในการเดินทาง

นอกจากนี้ Google Maps ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่ตลอด โดยในปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวฟีเจอร์ Crowdedness Predictions ช่วยคาดการณ์ความหนาแน่นของผู้โดยสารบนรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยอ้างอิงจากข้อมูลการใช้บริการที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางแผนการเดินทางได้ดีขึ้น โดยจะมีข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ เช่น

• อุณหภูมิ: สามารถตรวจสอบได้ล่วงหน้าว่า นั่งตรงไหนจะอุ่นหรือตรงไหนเย็น เพื่อเพิ่มความสบายระหว่างการเดินทาง
• การเข้าถึง: ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ จะสามารถค้นหาเส้นทางการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือ  และข้อมูลเกี่ยวกับทางเข้า ที่นั่ง ปุ่มหยุด หรือ หลอดไฟ LED ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน 
• พื้นที่เฉพาะสำหรับผู้หญิง: แสดงข้อมูลตู้โดยสารหรือพื้นที่ที่กำหนดไว้เฉพาะสำหรับผู้หญิง 
• ความปลอดภัยในการใช้บริการ: แสดงข้อมูลว่าขนส่งสาธารณะที่ใช้อยู่มีการดูแลความปลอดภัยอย่างไรบ้าง มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด หรือสายด่วนเพื่อขอความช่วยเหลือหรือไม่ 
• จำนวนตู้โดยสาร: ข้อมูลนี้มีในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยผู้ใช้สามารถดูจำนวนตู้โดยสารและความหนาแน่นเพื่อ เพิ่มโอกาสหาที่นั่งว่างบนรถไฟได้ 

โดย Transit attributes เหล่านี้จะเปิดให้บริการทั่วโลกในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะแตกต่างออกไปตามภูมิภาคและข้อมูลที่ได้จากสำนักงานขนส่งในแต่ละพื้นที่ 

Live View (Augmented Reality in Maps)

ปีที่ผ่านมา Google Maps เปิดตัวฟีเจอร์ Live View ให้ผู้ใช้สามารถดูได้ว่าจะต้องเดินทางไปทางไหน เมื่อเปิดโหมดการเดินทางด้วยเท้า ผนวกกับภาพเสมือนจริงจาก Street View ซึ่งใช้เทคโนโลยี Machine Learning และเซนเซอร์ของ smartphone ให้เกิดเป็น Live View แสดงสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว พร้อมทั้งทิศทางแบบเสมือนจริง ช่วยนำทางไปยังที่หมาย 

โดยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะมีการพัฒนาบริการฟีเจอร์ Live View ให้สามารถตอบสนองและช่วยเหลือผู้ใช้ให้ค้นหาสถานที่ ดูว่าจุดหมายอยู่ไกลแค่ไหนและทิศทางใดอย่างรวดเร็วมากขึ้น ส่วนที่ไทยจะเริ่มปล่อยเมื่อไหร่ ต้องรอติดตามกันต่อไป