Ant Group บริษัท Fintech ยักษ์ใหญ่ของจีน และกลุ่มสถาบันการเงินอย่าง Grab และ Singapore Telecommunications เป็น 1 ใน 4 กลุ่มธุรกิจ ที่ได้รับการจดทะเบียนอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารดิจิทัล หรือ digital banking licenses จากธนาคารกลางของสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้บริการด้านการเงินได้อย่างเต็มตัว พร้อมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือในส่วนของบริการด้าน FinTech ของกลุ่มบริษัททั้ง 4 อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารดิจิทัลอีก อาทิ Sea Group บริษัทด้าน E-Commmerce และ Gaming รวมถึงกลุ่มสถาบันการเงิน อย่าง Greenland Financial Holdings ของจีน
โดยธนาคารกลางของสิงคโปร์ จะออกใบอนุญาตประเภท Full Digital Banking Licenses ที่สามารถให้บริการดิจิทัลได้เต็มรูปแบบให้กับ Grab-Singtel และ Sea ใบอนุญาตประเภท Wholesale Banking Licenses ซึ่งจำกัดไม่ให้ดำเนินธุรกิจกับลูกค้าปลีกรายย่อย สำหรับ Ant Group และ Greenland Financial Holdings
Ravi Menon ผู้อำนวยการธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) กล่าวว่า “เราหวังว่า กลุ่มธุรกิจเหล่านี้จะเติบโตไปพร้อมกับพวกเรา และยกระดับการให้บริการทางการเงินให้สูงขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มคนและธุรกิจที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านการเงินได้ ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจการเงินของสิงคโปร์แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับโลกในยุค digital economy ในอนาคต”
คาดการณ์ว่า กลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์ในการจดทะเบียน digital banking licenses จะสามารถดำเนินธุรกิจทางการเงินได้ในช่วงต้นปี 2022
สำหรับ Ant Group การได้รับโอกาสในการจดทะเบียน digital banking licenses ถือเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจของพวกเขาในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก หลังจากที่ถูกขัดไม่ให้ออก IPO จากรัฐบาลจีนในช่วงเดือนที่ผ่านมา คาดว่าร้านค้าในสิงคโปร์ที่ใช้ Alipay จะกลายมาเป็นลูกค้าคนสำคัญสำหรับการให้บริการ digital-banking ของ Ant Group
Ravi Menon ได้ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ก่อนหน้านี้ว่า กฎระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดในจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของธนาคารในรูปแบบดิจิทัลในสิงคโปร์แต่อย่างใด เนื่องจาก Grab ซึ่งมีธุรกิจหลักทางด้านการขนส่งและได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ขยายกิจการไปยังการให้บริการทางการเงิน ในขณะที่พันธมิตรอย่าง Singtel ก็ให้บริการธุรกรรมทางการเงินบนสมาร์ทโฟนในสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน
Grab-Singtel กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ธนาคารของพวกเขาจะให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านการเงินอย่างกลุ่มคนใช้แรงงาน และ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พวกเขายังเผยเพิ่มเติมว่า Grab-Singtel ได้ว่าจ้างอดีตนายธนาคารจาก Citigroup เข้ามาดำรงตำแหน่ง CEO ซึ่งจะสรรหาบุคลากรเพิ่มเติมกว่าอีก 200 คน ในขั้นเริ่มของการให้บริการ
Reuban Lai ผู้จัดการแผนกการเงินของ Grab ย้ำว่า กลุ่มธุรกิจของพวกเขามีฐานลูกค้าขนาดใหญ่อยู่แล้วจากการให้บริการที่มีอยู่ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มในการหาลูกค้าใหม่ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถทำกำไรได้เร็วขึ้น
Grab-Singtel จะต้องช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มธุรกิจ digital-banking กันกับ Sea ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่และธุรกิจ SME ซึ่ง Forrest Li ผู้อำนวยการ และ CEO แห่ง Sea กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกจากธนาคารกลางสิงคโปร์ให้จดทะเบียน Digital Full Banking License และได้รับโอกาสในการให้บริการทางการเงินให้กับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่และธุรกิจ SME ในสิงคโปร์”
อีกหนึ่งกลุ่มสถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตการจดทะเบียนธนาคารดิจิทัล ก็คือ Greenland Group ซึ่งประกอบไปด้วย Linklogis Hong Kong และ Beijing Co-operative Equity Investment Fund Management Co
ตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของCOVID-19 Fintech นับว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างนวัตกรรมในการให้บริการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารความมั่นคั่ง การให้บริการด้านสินเชื่อ รวมไปถึงบริการด้านประกัน ซึ่งธนาคารยักษ์ใหญ่ 3 แห่งในสิงคโปร์อย่าง DBS Group Holdings, Oversea-Chinese Banking Corp. และ United Oversea Bank เป็นผู้ถือครองส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจการเงินในสิงคโปร์อยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจที่เสนอชื่อเข้าร่วมจดทะเบียนกลับมองหาโอกาสทางการตลาดกลุ่มใหม่อย่าง กลุ่มคนรุ่นใหม่และธุรกิจรายย่อยมากกว่า
ยิ่งกว่านั้น การได้รับสิทธิ์ในการจดทะเบียน digital banking licenses ในสิงคโปร์ ยังช่วยให้กลุ่มธุรกิจเหล่านี้ ได้แต้มต่อในการได้เข้าประมูลในประเทศอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ ธนาคารกลางของมาเลเซียและฟิลิปปินส์ กำลังมีแผนที่จะออกใบอนุญาต Digital Banking ให้กับกลุ่มธุรกิจการเงินในลักษณะเดียวกัน
“หลายประเทศในกลุ่มอาเซียนต่างกำลังจับตามอง Digital Banking ของสิงคโปร์อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากกลุ่มธุรกิจใดก็ตามที่ได้รับใบอนุญาตในสิงคโปร์ มีแนวโน้มที่จะขยายกิจการในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ง่ายยิ่งขึ้น” ผู้อำนวยการบริษัทวิจัยทางการเงินสิงคโปร์อย่าง Kapronasia กล่าว
อ้างอิง Nikkei
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด