HSBC ประกาศปิดสาขากว่าครึ่งในอินเดีย รับมือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล | Techsauce

HSBC ประกาศปิดสาขากว่าครึ่งในอินเดีย รับมือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล

HSBC

HSBC หนึ่งในธนาคารยักษ์ใหญ่ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน ออกมาเผยว่า HSBC เตรียมปิดสาขาในอินเดียกว่า 24 สาขาใน 15 เมือง อันเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปใช้ช่องทางผ่านออนไลน์มากขึ้น

ปัจจุบัน HSBC มีสาขาในอินเดียกว่า 50 สาขา การปิด 24 สาขาถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนสาขาทั้งหมด ซึ่งอินเดียเป็นประเทศอันดับที่ 4 ที่สร้างกำไรมากที่สุดให้กับ HSBC

ตั้งแต่ปี 2011 ธนาคารก็มีการปลดพนักงานไปกว่า 87,000 คน และปิดธุรกิจไปแล้วกว่า 80 ธุรกิจด้วยกัน และถอนการดำเนินธุรกิจในบางประเทศ อันเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรในช่วงที่ผ่านมา HSBC เป็นธนาคารเก่าแก่แห่งหนี่งที่มีอายุปีนี้ก็นับได้ 151 ปี ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคที่หันมาติดต่อกับธนาคารผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ไม่เพียงแค่ HSBC เท่านั้น ธนาคารต่างชาติที่เป็นคู่แข่งในอินเดียอย่าง DBS Group ก็มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ด้านดิจิทัลมากขึ้น ไม่ใกล้ไม่ไกล ธนาคารในบ้านเราเอง แม้ยังไม่มีข่าวครึกโครมถึงกับประกาศปิดสาขา แต่ก็เริ่มชะลอการเปิดสาขาใหม่ และมุ่งไปที่ Digital Banking มากขึ้นกันแล้ว

ที่มา : IndianExpress

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน เป็นไปได้จริงด้วย AI ส่องโอกาสและความท้าทายที่ต้องรับมือ

กระแสการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่การจะก้าวไปสู่การทำงานรูปแบบใหม่นี้ได้จริง จำเป็นต้องมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง และหนึ่งในป...

Responsive image

กระทราง DOGE ใต้การดูแลของอีลอน มัสก์ ปลดพนักงานสำนักงานนิวเคลียร์สหรัฐฯ นับ 300 ชีวิต สั่นคลอนความมั่นคงชาติ

เจ้าหน้าที่กว่า 300 คนที่สำนักงานบริหารความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติ (NNSA) ถูกปลดออกจากงาน อันเป็นส่วนหนึ่งของการปลดพนักงานของกระทรวงพลังงาน จากการสนับสนุนของ DOGE โดยไม่ทันคิดให้ร...

Responsive image

อดีต CTO OpenAI เปิดตัว Thinking Machines Lab สตาร์ทอัพ AI แห่งใหม่

Mira Murati อดีต Chief Technology Officer (CTO) จาก OpenAI เปิดตัวสตาร์ทอัพใหม่ ชื่อว่า "Thinking Machines Lab" ซึ่งแน่นอนว่าจุดโฟกัสหลักยังคงอยู่ที่ AI...