IBM จับมือร่วมกับ Stellar, KlickEx และธนาคารชั้นนำ เปิดตัว Blockchain Solution สำหรับการชำระเงินทั่วโลก | Techsauce

IBM จับมือร่วมกับ Stellar, KlickEx และธนาคารชั้นนำ เปิดตัว Blockchain Solution สำหรับการชำระเงินทั่วโลก

IBM ประกาศเปิดตัวโซลูชันการชำระเงินข้ามประเทศระบบสากลผ่าน Blockchain ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการชำระเงินทั่วโลกสำหรับกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค โดยร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีอย่าง Stellar  (Stellar.org) และ KlickEx Group (KlickEx Group) นำ IBM Blockchain เข้าใช้กับบริการหักบัญชีและชำระดุล (clearing and settlement) ทางการค้าผ่านเครือข่ายเดียว ให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปได้ในความเร็วเกือบเรียลไทม์

ปัจจุบันการชำระเงินข้ามประเทศมีราคาสูง ใช้เวลานาน และมักมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเสมอ การทำธุรกรรมข้ามสกุลเงินจะต้องผ่านตัวกลางหลายฝ่ายและใช้เวลาหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ โดยรายงานของธนาคารโลกชี้ให้เห็นว่าการพัฒนารูปแบบการชำระเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินจะนำสู่การไหลเวียนของสกุลเงินและการค้าต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถขยายบริการทางการเงินให้เข้าถึงคน 1 พันล้านคนทั่วโลกได้ภายในปี พ.ศ. 2563

ที่ผ่านมาได้เริ่มมีการนำโซลูชั่นดังกล่าวมาใช้ในการทำธุรกรรมในเส้นทางสกุลเงิน 12 สกุลทั่วหมู่เกาะแปซิฟิกและออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวมถึงสหราชอาณาจักรแล้ว โดยการใช้เลดเจอร์แบบกระจายศูนย์ (distributed ledger) จะช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงและทราบสถานะของการทำธุรกรรมหักบัญชีและชำระดุล โซลูชั่นนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเงินทั่วโลก สำหรับการชำระเงินทุกประเภท ไม่ว่าจะมีมูลค่าเท่าใดก็ตาม อีกทั้งยังช่วยให้สถาบันการเงินสามารถเลือกเครือข่ายการชำระดุลที่ต้องการสำหรับการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง

ตัวอย่างเช่น ในอนาคต เครือข่ายนี้จะช่วยให้ชาวนาในซามัวสามารถจัดทำสัญญาการค้ากับผู้ซื้อในอินโดนีเซียได้ โดยบล็อกเชนช่วยให้สามารถบันทึกเงื่อนไขของสัญญา จัดการเอกสารการค้า ช่วยให้ชาวนาสามารถเสนอหลักประกันที่ไม่ใช่เงินสด รับเล็ตเตอร์อ็อฟเครดิต และบรรลุข้อตกลงรายการค้าโดยการชำระเงินในทันที ซึ่งเป็นการทำการค้าระดับโลกด้วยความโปร่งใสและสะดวกครบวงจร

ทั้งนี้ IBM ได้ร่วมกับกลุ่มธนาคารชั้นนำในการร่วมพัฒนาและนำโซลูชันนี้มาใช้ ประกอบด้วยธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารบิลเบาวิซคายาอาร์เคนตาเรีย, ธนาคารดานามอน อินโดนีเซีย, ธนาคารแมนดิริ, ธนาคารเนการา อินโดนีเซีย, ธนาคารเพอร์มาตา, ธนาคารรัคยาต อินโดนีเซีย, มิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป, ธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย, ธนาคารพาณิชย์ริซัล (RCBC) ฟิลิปปินส์, ซูมิโตโม มิตซุย ไฟแนนเชียลกรุ๊ป, ทีดีแบงค์ วิซดรอว์ (HK) แห่งเวิร์ลด์คอมไฟแนนซ์ และสถาบันการเงินอื่นๆ

"IBM กำลังสำรวจแนวทางใหม่ๆ ภายใต้คำแนะนำของสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง เพื่อพัฒนาให้เครือข่ายการชำระเงินมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การทำธุรกรรมต่างๆ เป็นไปได้แบบเรียลไทม์ แม้ในพื้นที่ห่างไกลที่สุดของโลก"  Bridget van Kralingen, รองประธานอาวุโสของ IBM Industry Platforms กล่าวว่า "โซลูชันการชำระเงินข้ามประเทศผ่านบล็อกเชนจะนำสู่โมเดลใหม่การชำระเงินในสกุลเงินต่างประเทศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหักบัญชีและชำระดุลให้เกิดขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ภายใต้เครือข่ายเดียวกัน"

โซลูชั่นดังกล่าวจะผนวกรวมแพลตฟอร์มบล็อกเชนของ IBM ที่เรียกใช้งานบนไฮเปอร์เลดเจอร์ แฟบริก (Hyperledger Fabric) ที่สร้างขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับ Stellar.org ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่แสวงหากำไรและสมาชิกของไฮเปอร์เลดเจอร์ รวมถึง KlickEx Group ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทางการเงินระดับภูมิภาคในเขตแปซิฟิค Stellar เป็นเครือข่าย blockchain open source สำหรับบริการทางการเงินที่ตั้งขึ้นภายใต้จุดประสงค์ในการออกและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกออกโดยเครือข่ายของ Stellar ในลักษณะสะพานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งจะนำสู่การชำระดุลในระยะเวลาเกือบเรียลไทม์ ขณะที่ KlickEx Group จะทำหน้าที่เป็นสถาบันการเงินที่ร่วมก่อตั้งในภูมิภาคนี้ ให้บริการแก่ธนาคาร ลูกค้าธุรกิจค้าปลีก และผู้บริโภค

"นวัตกรรมและการร่วมมือกับคู่ค้าครั้งนี้ถือเป็นไมล์สโตนสำคัญสำหรับ Stellar และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงินโดยรวม" Jed McCaleb ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอที (CTO) ของ Stellar.org กล่าวว่า "เรากำลังนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การชำระเงินข้ามประเทศในระเบียงสกุลเงินแบบรวมที่ประกอบด้วยหลายสกุล ก่อนหน้านี้การชำระเงินข้ามประเทศจะต้องใช้เวลาหักบัญชีนานหลายวัน โซลูชันใหม่นี้จะสร้างผลกระทบเชิงบวกที่สำคัญต่อบรรดาประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ และทันทีที่ได้รับการขยายใช้อย่างเต็มที่โดยไอบีเอ็มและคู่ค้าในธุรกิจธนาคาร โซลูชันนี้ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเคลื่อนย้ายเงินทั่วโลก ช่วยพัฒนาการทำธุรกรรมระหว่างประเทศในปัจจุบัน และส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ก้าวล้ำในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา"

ปัจจุบันสมาชิกของ Advanced Pacific Financial Infrastructure for Inclusion (APFII) ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนเบื้องต้นจากองค์การสหประชาชาติและ SWIFT ได้เริ่มใช้เครือข่ายนี้ ซึ่งจะสามารถประมวลผล 60 เปอร์เซ็นต์ของการชำระเงินข้ามประเทศในระเบียงอัตราแลกเปลี่ยนของธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ประกอบด้วยออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิจิ ซามัว และตองกา ภายในช่วงต้นปีหน้า ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารบิลเบาวิซคายาอาร์เคนตาเรีย, ธนาคารดานามอน อินโดนีเซีย, ธนาคารแมนดิริ, ธนาคารเนการา อินโดนีเซีย, ธนาคารเพอร์มาตา, ธนาคารรัคยาต อินโดนีเซีย, มิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป, ธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย, ธนาคารพาณิชย์ริซัล (RCBC) ฟิลิปปินส์, ซูมิโตโม มิตซุย ไฟแนนเชียลกรุ๊ป, ทีดีแบงค์ และวิซดรอว์ (HK) แห่งเวิร์ลด์คอมไฟแนนซ์ จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในเครือข่ายนี้ และช่วยขยายต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลกในปี พ.ศ. 2561

เครือข่ายบล็อกเชนที่ดำเนินการร่วมกับ KlickEx  และ Stellar เป็นหนึ่งในโครงการบล็อกเชนสำหรับแวดวงการบริการทางการเงินที่สนับสนุนโดย IBM ซึ่งรวมถึงการสร้างเครือข่ายการชำระเงินในสกุลเงินต่างประเทศ การบริหารการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) การให้ยืมหลักทรัพย์ และการจัดหาเงินทุนเพื่อการค้า

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

โตโยต้า เปิดแผนการลงทุน พร้อมทุ่มงบ 4.7 แสนล้านบาทพัฒนารถ EV และ AI

โตโยต้า ประกาศแผนการลงทุนมูเพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีไฮโดรเจน...

Responsive image

LINE MAN Wongnai เตรียม IPO ไทย-สหรัฐฯ ปี 2025 มุ่งสู่การเป็นมากกว่าแอปฯ สั่งอาหาร

LINE MAN Wongai แพลตฟอร์มบริการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ยอดนิยมของไทย กำลังพิจารณาการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยหรือสหรัฐฯ ภายในปี 2025 ตามข้อมูลจากคุณยอด ชิน...

Responsive image

Techsauce Global Summit 2024 พร้อมเดิมหน้าจัดงานใน 3 ประเทศ “ไทย-อินโด-เวียดนาม”

Techsauce Global Summit 2024 พร้อมเดิมหน้าจัดงานใน 3 ประเทศ “ไทย-อินโด-เวียดนาม” สู่เป้าหมายการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็น Tech Gateway ของภูมิภาค...