IMD เผยอันดับขีดความสามารถการแข่งขันไทย ปี 66 ไต่ขึ้น 3 อันดับ พบปัจจัยบวกทุกด้าน เศรษฐกิจ ประสิทธิภาพภาครัฐและภาคธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเป็นบวก | Techsauce

IMD เผยอันดับขีดความสามารถการแข่งขันไทย ปี 66 ไต่ขึ้น 3 อันดับ พบปัจจัยบวกทุกด้าน เศรษฐกิจ ประสิทธิภาพภาครัฐและภาคธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเป็นบวก

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ ทีเอ็มเอ (TMA) เผยผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดย World Competitiveness Center ของ International Institute for Management Development หรือ IMD สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2566 

โดยปีนี้ไทยมีอันดับความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นถึง 3 อันดับ โดยมีอันดับดีขึ้นในทุกปัจจัยโดยเฉพาะด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ (Economic Performance) ที่มีอันดับดีขึ้นถึง 18 อันดับ  ทำให้ไทยมีอันดับดีขึ้น 3 อันดับมาอยู่ในอันดับที่ 30 จาก 64 เขตเศรษฐกิจ

IMD เผยอันดับขีดความสามารถการแข่งขันไทย ปี 66

ปัจจัยด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ (Economic Performance) มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 34 ในปีที่แล้วมาอยู่ที่อันดับ 16 ในปีนี้ อันเนื่องมาจากประเด็นการลงทุนระหว่างประเทศ (International Investment) และการค้าระหว่างประเทศ (International Trade) ที่ปรับตัวดีขึ้นมากภายหลังจากการเปิดประเทศหลังวิกฤตโควิด-19

ประสิทธิภาพภาครัฐ ภาคธุรกิจดีขึ้น 

ในด้านประสิทธิภาพของภาครัฐ (Government Efficiency) มีอันดับดีขึ้นถึง 7 อันดับ จากอันดับ 31 ปีที่แล้ว มาอยู่อันดับที่ 24 และประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) ดีขึ้น 7 อันดับ จากอันดับที่ 30 ในปีก่อน มาอยู่ อันดับที่ 23 

โดยในด้านประสิทธิภาพของภาครัฐเป็นผลมาจากอันดับที่ดีขึ้นของประเด็นด้านกฎหมายธุรกิจ (Business Legislation) กรอบการบริหารภาครัฐ (Institutional Framework) และการคลังภาครัฐ (Public Finance) 

ในขณะที่ด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจก็มีอันดับดีขึ้นในเกือบทุกปัจจัยย่อยโดยเฉพาะด้านผลิตภาพและประสิทธิภาพ (Productivity & Efficiency) ที่มีอันดับดีขึ้นถึง 9 อันดับจากปี 2565 

โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดีขึ้น แต่ยังต้องพัฒนาการศึกษา สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

ส่วนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่มีอันดับดีขึ้น 1 อันดับจากอันดับที่ 44 ในปี 2565 มาอยู่ที่อันดับ 43 ในปีนี้ มีปัจจัยย่อยที่มีอันดับดีขึ้นเพียงด้านเดียวคือโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี

ในขณะที่เรื่องการศึกษา (Education) และสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม (Health & Environment) มีอันดับที่ลดลงและยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ไทยต้องเร่งพัฒนา

สิงคโปร์ยังคงเป็นผู้นำอาเซียน

เมื่อเปรียบเทียบอันดับความสามารถในการแข่งขันของเขตเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซียนที่ได้รับการจัดอันดับโดย IMD 5 เขตเศรษฐกิจ สิงคโปร์ยังคงเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีอันดับสูงสุดในภูมิภาคโดยอยู่ในอันดับที่ 4 รองลงมาคือ มาเลเซียอันดับ 27 ไทยอันดับ 30 อินโดนีเซียอันดับ 34 และฟิลิปปินส์อันดับ 52 ตามลำดับ 

ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า อินโดนีเซียมีอันดับดีที่ขึ้นถึง 10 อันดับจากที่เคยอยู่ในอันดับที่ 44 มาอยู่ที่อันดับ 34 ในปีนี้ จากปัจจัยด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ (Economic Performance) และประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) 

เดนมาร์กรักษาแชมป์ดีที่สุดในโลก 

เมื่อมองภาพรวมในระดับโลก เดนมาร์กยังคงเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีอันดับสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว รองลงมาได้แก่ ไอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ และ เนเธอร์แลนด์ตามลำดับ

โดย IMD พบว่าเขตเศรษฐกิจที่อยู่อันดับต้น ๆ ของโลกในปีนี้ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดเล็ก (Smaller Economies) ที่มีกรอบการบริหารภาครัฐ (Institutional frameworks) ที่ดี รวมถึงมีระบบการศึกษาที่แข็งแกร่ง (Strong education systems) นอกจากนั้น ประเทศที่มีแหล่งผลิตพลังงานที่มั่นคง ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง และดุลการค้าที่ดี เช่น จีน ซาอุดีอาระเบีย สวิตเซอร์แลนด์ และไต้หวัน จะสามารถรักษาหรือพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างมั่นคงท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานศูนย์เพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA Center for Competitiveness) กล่าวว่า “ผลการจัดอันดับในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นในภาพรวมระดับโลกและผลของประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่าความสามารถในการปรับตัว (Agility & Resiliency) ยังคงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยภาครัฐไทยต้องพยายามปรับปรุงนโยบายและกฎระเบียบต่าง ๆ ให้มีความทันสมัย สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจและประชาชน ในส่วนของระบบการศึกษาก็มีความสำคัญที่จะต้องยกระดับคุณภาพให้ทันสมัย ในการผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของโลกยุคใหม่ และภาคเอกชน ก็ควรให้ความสำคัญกับการสร้างและรักษาพันธมิตรทางการค้า เพราะถือเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจในยุคแห่งความไม่แน่นอนต่าง ๆ”

ทั้งนี้ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) เห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพขององค์กรและบุคลากรในด้านการบริหารจัดการโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การสร้างความสามารถในการติดตามและคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและตั้งเป้าหมายเชิงรุกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของ TMA และในวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 จะมีการจัดงาน Executive Forum on Competitiveness 2023 “Competitiveness in the New Reality” ขึ้น โดยจะมีวิทยากรจาก IMD มานำเสนอถึงแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมของโลกที่มีต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศและข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างเจาะลึกในงานดังกล่าว

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ซีอีโอ Nike เผย 3 สิ่งที่ทำบริษัทพลาดมาตลอดจนทำให้ไนกี้ไม่เหมือนเดิม

ปลายปี 2024 ที่ผ่านมา Nike เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่นคือ การลาออกของ John Donahole ในตำแหน่งซีอีโอ และได้ลูกหม้ออย่าง Elliott Hill ที่เริ่มทำงานกับ Nike มาอย่างยาวนานขึ้นมารับ...

Responsive image

กูเกิลปรับนิยาม "Googleyness" ใหม่ ซีอีโอเน้นกล้าคิด กล้าทำ มีเป้าหมาย เป็นคุณสมบัติที่มองหา

"Googleyness" คำที่เคยใช้อธิบายความเป็นกูเกิล ได้รับการปรับความหมายใหม่ในปี 2024 โดย Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลเอง เพราะที่ผ่านมาคำนี้ค่อนข้างกว้างและไม่ชัดเจน ในการประชุม Pich...

Responsive image

ญี่ปุ่นคิดค้น ‘เครื่องอาบน้ำมนุษย์’ อาบและเป่าแห้งเพียง 15 นาที

หมดข้ออ้างขี้เกียจอาบน้ำแล้ว บริษัท Science Co. ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตหัวฝักบัวจากญี่ปุ่น ได้เปิดตัว “เครื่องซักมนุษย์แห่งอนาคต” หรือ Mirai Ningen Sentakuki...