สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) มีเป้าหมายในการยกระดับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลไทยก้าวไกลสู่ระดับสากล รวมทั้งยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมและคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น และส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันดิจิทัลโลก
1. กำหนดมาตรฐานและตัวชี้วัดด้านดิจิทัล
2. สร้างความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
3. พัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้านดิจิทัล
4. พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
5. เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของภูมิภาค
รวมทั้งยังให้ความสำคัญเพิ่มเติมในด้านสังคมและวัฒนธรรมของประเทศชาติอีกด้วย
เพื่อมุ่งสู่ความเป็นดิจิทัลของประเทศไทยนั้น ในแต่ละปีการกำหนดดัชนี KPI (Key Performance Indicators) จึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการติดตามการพัฒนาของประเทศตามพันธกิจยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ประการ โดยสภาดิจิทัลฯ ได้พิจารณาเลือกดัชนีวัดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัล โดย IMD (International Institute for Management Development) ที่มีความ เหมาะสมมากที่สุด นำมาเป็นดัชนี KPI ของพันธกิจยุทธศาสตร์ 5 ประการ เพื่อเป็นมาตรฐานและสามารถวัดผลเปรียบเทียบกับ ประเทศอื่นในระดับโลก ได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำดัชนีอื่นๆ มาเสริมเพื่อให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในทุกมิติสาหรับด้านที่ไม่มีดัชนีสากลชี้วัดจะมีการพัฒนาดัชนีใหม่ขึ้น เพื่อให้มีการติดตามความก้าวหน้าของการพัฒนาสู่ความเป็นดิจิทัลของประเทศไทยต่อไป
เนื่องจากประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจ ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 25 ของโลกจากการจัดอันดับผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (GDP) (อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารโลกในปี 2018)
ดังนั้น สภาดิจิทัลฯ จึงกำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยอยู่ใน 25 อันดับแรกของแต่ละหัวข้อดัชนี KPI และคาดว่าจะประสบความสำเร็จภายในปี 2025 โดยจะสามารถขึ้นเป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกสำหรับดัชนี KPI ด้านที่เป็น 25 อันดับแรก
ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดย IMD ประจำปี 2022 ประเทศไทยมีอันดับที่ลดลงจาก 38 เป็น 40 ของโลกจากทั้งหมด 63 ประเทศ โดยที่คะแนนจากปัจจัยด้านความรู้ (Knowledge) และ ปัจจัยด้านความพร้อมรองรับอนาคต (Future Readiness) มีอันดับที่ลดลง เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่อันดับ ปัจจัยด้านเทคโนโลยี (Technology) มีการปรับอันดับที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม อันดับภาพรวมของประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีการปรับอันดับที่สูงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยและมาเลเซียมีอันดับที่ลดลง เมื่อเทียบกับปี 2021
ผลการจัดอันดับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางด้านดิจิทัล ดังนี้
จะเห็นได้ว่า 3 พันธกิจหลักของ DCT ได้แก่ ด้านกำลังคน ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และด้านการส่งเสริมนวัตกรรมของไทยควรได้รับการผลักดันและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในทิศทางที่เหมาะสม เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมดิจิทัลให้ทัดเทียมในระดับอารยประเทศ ซึ่งมีการแข่งขันอย่างสูงในปัจจุบัน
ผลการจัดอันดับความชำนาญในการใช้ภาษาอังกฤษของ EF English Proficiency Index 2021 ดังนี้
แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในอันดับการใช้ภาษาอังกฤษที่มีแนวโน้มอันดับลดลงเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนา และแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในอุตสาหกรรมดิจิทัล
จากข้อมูลระดับทักษะความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร (ICT) จาก The International Telecommunication Union (ITU) พบว่า
ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้น ประเทศไทยจำเป็นต้องรีบเร่งผลักดัน พัฒนาศักยภาพและทักษะด้าน ICT จึงจะทำให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศ และรองรับอุตสาหกรรมดิจิทัลตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้
ตามคำนิยามของ OECD พบว่าสัดส่วน Digital ต่อ GDP ของประเทศไทย มีสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศชั้นนำของโลก แต่หลายอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยยังอยู่ในภาวะขาดดุลการค้า เนื่องจากประเทศไทยเน้นการนำเข้ามากกว่าการส่งออก
สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลใน ประเทศ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต
สถานการณ์การลงทุน tech startup ในประเทศไทย ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 14% ในปี 2015 เป็น 3% ในปี 2021 อย่างไรก็ดีถึงจำนวน Startups ในไทยนั้น มีจำนวนน้อยที่สุดหากเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) แต่ประเทศไทยกลับมีจำนวน Unicorns 3 รายเท่ากับประเทศฟิลิปปินส์ ดังนั้น หากเราเดินหน้าสนับสนุนในธุรกิจ Startups อย่างจริงจังทั้ง ในประเด็นการดึงดูดการลงทุน ความสามารถในการพัฒนา Product และการดำเนินธุรกิจแล้ว เชื่อว่าประเทศไทย สามารถเป็นศูนย์กลางด้าน Startups และนวัตกรรมของภูมิภาคได้
DCT จึงได้ทำงานร่วมกับภาครัฐในการผลักดันนโยบายและมาตรการต่าง ๆ โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้มีมาตรการจากภาครัฐอย่างน้อย 7 มาตรการที่ช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตแก่ Startups ดังนี้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด