บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด (InnoSpace) แถลงผลการดำเนินงานปี 2563 ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 โดยได้มีการเพิ่มทุนรอบที่ 2 ซึ่งมีองค์กรสนใจเข้าร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 2 รายคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธนาคารออมสิน ทำให้ในปัจจุบัน InnoSpace มีผู้ลงทุนทั้งหมด 14 ราย จำนวนเงินทุนมากกว่า 600 ล้านบาท โดยยกยุทธศาสตร์เป็น Sharing CVC ให้กับองค์กรที่ร่วมลงทุนทั้งหมด และพร้อมสนับสนุน Startup Ecosystem ในประเทศทั้งด้านการลงทุนและพัฒนา เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานคณะกรรมการ บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จากัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในประเทศเป็นอย่างมาก โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา InnoSpace ได้จัดตั้งกองทุน Bridge Fund เพื่อสนับสนุนสภาพคล่องให้กับ Startup ในช่วงวิกฤต COVID-19 และได้อนุมัติการลงทุนไปแล้ว 15 Startups ในรูปแบบหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture) ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ในการลงทุนที่กำหนดหลักเกณฑ์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่งกองทุนนี้ Bridge Fund จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้ Startup สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤติ COVID-19 ที่ยังคงรุนแรงและทำให้การฟื้นตัวของธุรกิจช้าลง
นอกจากนี้ InnoSpace ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น Hong Kong Cyberport, Leave a Nest (Japan) และพันธมิตรในประเทศได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, True Digital Park, หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (PMU-C), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) และ สานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เป็นต้น เพื่อร่วมกันส่งเสริมการพัฒนา Innovation และสนับสนุน Startup Ecosystem ในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ซึ่งผลความสำเร็จนี้ทาให้ InnoSpace ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Best Startup Synergy Award ของ Techsauce ที่เป็นผลสำรวจจาก Startup ลงคะแนนให้กับองค์กรที่เคยร่วมงานด้วย
ในปี 2564, InnoSpace มีแผนในการจัดตั้งกองทุนใหม่เพื่อลงทุนเพิ่มเติมโดยเฉพาะ Deep-tech Startup เพื่อต่อยอดงานวิจัยสู่การสร้างธุรกิจที่เป็น New S-Curve ให้กับประเทศ พร้อมทั้งโครงการสนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาและผลักดัน Startup ในประเทศให้สามารถรุกตลาดในภูมิภาค นายเทวินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Innospacethailand
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด