“Innovation Club: Thailand Scale-up Nation” หรือ “คลับ (Club)” แบบไม่เป็นทางการของผู้นำระดับสูงจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา รวมถึงนักลงทุนที่มาร่วมพบปะพูดคุย แสดงความคิดเห็น และแชร์ประสบการณ์ เพื่อออกแบบระบบนิเวศผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Ecosystem) พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เป็นรูปธรรม เร่งเครื่องให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นประเทศสเกลอัพ และร่วมผลักดัน Startup ของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันและขยายกิจการ (Scale-up) ไปได้ถึงระดับโลก
Innovation Club: Thailand Scale-up Nation ได้จัดไปแล้วทั้งสิ้น 2 ครั้งผ่านบรรยากาศงานรับประทานอาหารแบบ Dinner นำโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด(มหาชน) ซึ่งในครั้งแรกมี Agenda คือ Set up working team - Executive of Secondees (n-1) และในครั้งที่ 2 ได้มีการเผยแพร่ White Paper Thailand: Scale-up Nation 2030 โดย ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจัดตั้ง Thailand’s Innovation Dashboard นอกจากนี้ในทุกๆ เดือนจะมีการอัปเดตผลการติดตามงานด้านต่างๆ ผ่าน Working Team Meeting
และล่าสุด ก็ได้มีการจัด Innovation Club: Thailand Scale-up Nation โดยจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของ Zoom และการจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนหลัก ๆ จากคุณขัตติยา อินทรวิชัย จากธนาคารกสิกรไทย ในการจัดเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวกในการพบปะกัน โดยเนื้อหาหลักๆ ของการพูดคุยจะเป็นเรื่องของการพัฒนาและส่งเสริมการสเกลอัพของ Startup ไทย อัพเดตความคืบหน้า Thailand's Innovation Dashboard และร่วมกันถกประเด็นเกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทยที่อาจจะเกิดปัญหา “สมองไหล” เป็นต้น
Sherry Coutu ปัจจุบันเป็น CBE, Chair of the Evidence Committee ของ Scale-up Institute UK ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานหลากหลาย ทั้งด้าน Policy, Finance, Culture, Human Capital และอีกมากมาย โดยในการสนทนาครั้งนี้ทาง คุณ Sherry ก็ได้มาพูดคุยถึงการทำงานของ Scale-up Institute UK ในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และเป็นตัวช่วยในการขยายขนาดของบริษัทต่างๆ รวมทั้งได้ให้ข้อเสนอแนะกับประเทศไทยที่ ณ ตอนนี้ต้องการที่จะ Scale-up ทั้งธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับคุณ Sherry เอง เธอเป็นผู้จัดทำ The Scale-up Report 2014 ให้กับทางรัฐบาล โดยในรายงานจะแสดงหลักฐานและคำแนะนำในการขับเคลื่อนให้เกิดบริษัทที่ Scale-up เพื่อช่วยในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ให้บริษัทต่าง ๆ มีความพร้อมในการแข่งขันกับต่างประเทศ และปิดช่องว่างที่ว่า บริษัทที่กำลังโตนั้นไม่สามารถสู้กับบริษัทใหญ่หรือเล็กที่มีการสนับสนุนดีๆ เพื่อให้บริษัทที่กำลังโตนี้ได้รับการสนับสนุนที่ดีด้วยเช่นกัน
โดยคุณ Sherry กล่าวว่า การจะสนับสนุนบริษัทให้ Scale-up ไปได้นั้น ประเทศจะต้องไม่โฟกัสที่การเพิ่มจำนวนบริษัทให้มาก แต่ให้เน้นไปที่การขยายกิจการของบริษัทเดิมที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งภาคการศึกษาที่มีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคโตได้นั้น ก็จะต้องไม่โฟกัสไปที่บริษัทเล็ก ใหญ่ หรือที่เป็นStart-upแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้สนับสนุนบริษัทที่กำลังโต และวิธีที่ดีที่สุดที่ทำได้คือการร่วมสนับสนุน Ecosystem ให้รองรับการเติบโตของบริษัทต่าง ๆ ได้ อาจจะด้วยการเข้าไปศึกษา สอบถามกับองค์กรต่างๆ ว่าจริงๆ แล้วอะไรคือตัวขัดขวางที่ทำให้ธุรกิจนั้นๆ เติบโตได้ช้า และจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา
ความหมายของคำว่า “Scale-up” จาก OECD ให้ไว้ว่า เป็นบริษัทที่ธุรกิจโตขึ้นอย่างน้อย 20% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งแต่ละบริษัทอาจจะมีการ Scale-up ได้หลายครั้งขึ้นอยู่กับสถานการณ์และรูปแบบธุรกิจของบริษัทต่างๆ
โดยบริษัทใน UK ที่ทางคุณ Sherry ได้คอยติดตามศึกษานั้นกำลังอยู่ในช่วงที่มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกรุงลอนดอนที่มีการเติบโตสูงมากในช่วงปี 2014-2017 ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตไปได้มากเช่นกัน ทั้งนี้คุณ Sherry ยังกล่าวอีกว่า ข้อมูลการเติบโตของบริษัทต่างๆ มีความสำคัญกับประเทศมาก เพราะทำให้รับรู้ได้ว่าบริษัทใดกำลังมีปัญหา หรือต้องการให้แก้ปัญหาในด้านใด เพื่อจะได้เข้าไปให้คำแนะนำหรือให้ความรู้ที่จำเป็นกับ Leader ขององค์กรได้อย่างตรงจุด
สำหรับ UK แล้ว คุณ Sherry กล่าวว่า มีธุรกิจ SMEs อยู่ประมาณ 5.7 ล้านราย สร้างมูลค่าได้ 2 ล้านล้านปอนด์ ในจำนวนนี้มีธุรกิจที่ Scale-up แล้วอยู่เพียง 33,000 ราย (ถือเป็น 1% ของทั้งหมด) แต่กับสร้างมูลค่าได้สูงถึง 1 ล้านล้านปอนด์ นั่นหมายความว่าเพียง 1% ของธุรกิจ SMEs ซึ่งคือบริษัทที่ Scale-up ได้ สามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้ง ธุรกิจ Scale-up ยังเป็นตัวเพิ่มให้มีงานใหม่อีก 100%
นอกจากนี้ คุณ Sherry ก็ได้ยกเอาตัวอย่างธุรกิจ FinTech ที่ Scale-up แล้วในช่วงปี 2016-2019 มาพูดคุย โดย 20% ของบริษัท FinTech ที่ scale up แล้ว จะมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 10-150 ล้านปอนด์ ในขณะที่ 30% ของบริษัทเหล่านี้ก็มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 61-1,300 คน
ในส่วนของการสนับสนุนทำให้เกิด Ecosystem ที่เหมาะกับการเติบโตของธุรกิจนั้น ก็ได้มีการให้ข้อแนะนำมาดังนี้
ในประเด็นปัญหา “สมองไหล” ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เมื่อเด็กรุ่นใหม่อยากออกไปต่างประเทศมากขึ้น นำไปสู่ความกังวลถึงการเสียบุคลากรที่มีความสามารถไป ทางคุณ Sherry กล่าวว่า การที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้ทั้งนักเรียนในโรงเรียน และนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ได้ตระหนักเรื่องนี้นั้น อาจจะต้องเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลองมีประสบการณ์จริงในการร่วมงานกับองค์กรที่กำลัง scale up เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้จากการฝึกทำงานจริงๆ อาจจะเป็นการให้นักเรียน (ทุกคน) ฝึกงานอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อให้สังคมและตัวนักเรียนเองได้มาเจอกันและปรับตัวหากัน
นอกจากทางด้านของ คุณ Sherry Coutu แล้ว ในงานรูปแบบออนไลน์ครั้งนี้ยังได้ความร่วมมือจากอีกหลายท่านมาร่วมวงสนทนา ได้แก่
อีกทั้งยังได้ความร่วมมือจากองค์กรอย่าง คุณชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ คุณลอยด์ วัฒนโฆวรุณ ผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ CEO & Co-founder ของบริษัท เทคซอส มีเดียที่มารับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการใน Session ต่างๆ
โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจากผู้นำองค์กรชั้นนำต่างๆ มากมาย ได้แก่
ผู้อ่านสามารถติดตามความร่วมมือของโครงการ Innovation Club Thailand ได้อย่างต่อเนื่องทาง Page Techsauce ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอ White Paper Thailand: Scale-up Nation 2030 – Accelerating the Innovation Economy. “ประเทศไทย:ยกระดับ Startup สู่สเกลอัพ 2030 เร่งสร้างเศรษฐกิจนวัตกรรม” ได้ถูกจัดทำขึ้นจนแล้วเสร็จและตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 นำโดย
ท่านที่สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด