Corporate Venture Capital (CVC) ของไทยอย่าง InVent โดยบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (Intouch) ประกาศลงทุนในบริษัท Startup ด้านระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management) และระบบการจัดการหน้าร้าน (Point of Sale: POS) อย่าง ChocoCRM ด้วยเงินลงทุนประเภท Series A จำนวน 40 ล้านบาท พร้อมถือหุ้นในบริษัท 20 เปอร์เซ็นต์
ซึ่ง CRM คือการผสานระหว่าง Technology และ Marketing เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้กับธุรกิจ โดยยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า ในงานอีเวนท์หนึ่งอาจจะเปิดให้ผู้เข้าร่วมสแกน QR Code แล้วกรอกโค้ดที่ได้รับมาจากการซื้อของเพื่อลุ้นรับรางวัลใหญ่ในอีเวนท์ก็ถือว่าเป็น CRM แล้ว
โดย ChocoCRM เป็น B2B และ B2B2C ที่เกิดมาจากการที่เห็น Pain Point ว่าธุรกิจส่วนใหญ่มาจากลูกค้าประจำ ซึ่งธุรกิจใหญ่ๆ จะทำ CRM กันอยู่แล้ว แต่ CRM สำหรับ SME ก่อนหน้านี้ยังไม่มี จึงเกิดความคิดจะทำแพลตฟอร์ม CRM สำหรับธุรกิจ SME ขึ้น
ChocoCRM ระบุว่าระบบของตัวเองมีจุดเด่น 2 อย่าง คือ
ทำให้ในปี 2560 ทางบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 19 ล้านบาท และในปี 2561 นี้ก็มีรายได้ถึง 30 ล้านบาทแล้ว
ซึ่งบริษัทก็ระบุเพิ่มเติมว่าจะนำเงินลงทุนที่ได้ใช้การวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) ตัว Product รวมถึงรวมถึงจะทำการประชาสัมพันธ์และการตลาดให้จริงจังมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมร้านค้าที่ไม่มีหน้าร้านค้า (เช่น วางสินค้าในร้านสะดวกซื้อ) ใช้ระบบของบริษัทในการติดตามยอดขายให้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังตั้งเป้าว่าบริษัทจะมีรายได้ 200 ล้านบาท ภายใน 3 ปี รวมถึงตั้งเป้ามีลูกค้า SME ให้ได้มากถึง 5,000 รายในกรุงเทพฯ, ชลบุรี, เชียงใหม่ และภูเก็ต ภายใน 3 ปีด้วยเช่นกัน
ส่วนทางด้าน Invent เห็นว่าการดูแลรักษาลูกค้าเก่าให้คงอยู่เราบริษัท ใช้ต้นทุนต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ถึง 5 เท่า รวมถึงประเทศไทยมี SME มากถึง 3 ล้านราย คิดเป็น 99 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศ จึงมองว่าเป็นโอกาสของ ChocoCRM จึงได้สนใจเข้าร่วมทุนใน Startup รายนี้
ก่อนหน้านี้ InVent ได้เคยลง Startup ไปแล้วทั้งสิ้น 15 ราย ได้แก่ Ookbee, Computerlogy, Meditech Solutions, Infinity Levels, SINOZE, Playbasis, GolfDigg, ShopSpot, Wongnai, Omnivirt, Digio, Event Pop, Shopback, YDM Thailand และ VVR Asia
ในปี 2561 ที่ผ่านมา InVent ได้ลงทุนใน 2 บริษัท Startup ได้แก่ YDM Thailand และล่าสุดคือ ChocoCRM โดยคาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนเพิ่มอีก 2 บริษัท Startup ในปีนี้ โดยหวังว่าจะได้ใช้เงินลงทุนให้ครบ 200 ล้านบาทภายในปีนี้ เพราะปีที่ผ่านมาก็ใช้เงินลงทุนไปแค่ประมาณปีละ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ InVent ยังระบุว่าเริ่มให้ความสนใจ Startup สาย Deep Tech อย่าง AI, Data Analytics, Blockchain มากขึ้น โดยโฟกัส Startup ในไทยก่อน เพราะในการลงทุนใน Startup ต่างประเทศก็มีความเสี่ยงพอสมควร รวมถึงบางบริษัท Startup ก็เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่มีเป็นจำนวนมาก จึงสนใจให้เงินลงทุนในระดับ Seed Fund อีกด้วย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด